ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ พ่อสั่งลุย! “อิ๊งค์” เดินหน้า MOU44 เมินเปิดเวทีสาธารณะ น้ำผึ้งหยดเดียว จะกลายเป็นน้ำผึ้งโอ่งมังกร
ฟังจากคำให้สัมภาษณ์เมื่อวาน ก็เป็นอันว่า “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ได้เห็นหนังสือข้อเรียกร้องของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” และคณะ ที่ขอให้รัฐบาลดำเนินการ 6 ข้อ เกี่ยวกับ MOU2544 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” จะไม่ได้บอกตรงๆ ว่าจะทำตามหรือปฏิเสธข้อเรียกร้อง โดยบอกเพียงว่า จะให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดู
แต่ฟังจากน้ำเสียง ก็พอรู้ว่าไม่ทำตามแน่นอน การตั้งคณะกรรมการเทคนิค หรือ JTC เตรียมเจรจากับเขมร ก็ยังจะเดินหน้า เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อยในเรื่องรายละเอียด
ส่วนข้อเรียกร้องให้เปิดเวทีสาธารณะ เอาแต่ละฝ่ายมาดีเบตกัน ก็คงไม่เปิด อ้างว่า ที่ให้ “สมคิด เชื้อคง” มารับหนังสือจาก “สนธิ” เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ก็เป็นการเปิดรับความเห็นต่างอยู่แล้ว คงไม่เปิดเวทีอะไรอีก
ก็เท่ากับว่า “อุ๊งอิ๊งค์” เล่นบทคุณหนูดื้อเงียบ ไม่ปฏิเสธข้อเรียกร้อง แต่ว่าทั้ง 6 ข้อ ไม่ทำตามสักข้อ!!
JTC ก็เดินหน้า, เวทีสาธารณะก็ไม่เปิด
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า MOU2544 เป็นโมฆะ หรือบอกกัมพูชาว่า ขอยกเลิก MOU เดิม แล้วตกลงเจรจาเขตแดนกันใหม่ ตามหลักกฎหมายทะเลสากล
อันที่จริง เรื่องสุ่มเสี่ยงทำให้ประเทศชาติเสียอธิปไตย อันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่คนไทยทั้งชาติจะยอมไม่ได้ คนอายุเพิ่ง 38 ปี อย่าง “อุ๊งอิ๊งค์” ไม่น่าจะอหังการ มมังการ ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้เพราะแรงหนุนจากพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นต้นเรื่องของ MOU 2544
ย้อนไปเมื่อตอน ครม.สัญจรเชียงใหม่ วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา “อุ๊งอิ๊งค์” เคยให้สัมภาษณ์เรื่อง MOU2544 ว่า จะเดินต่อหรือไม่ ขอให้ผ่านคณะกรรมการที่มีการพูดคุยกันทั้งสองประเทศ
ส่วนพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องการประกาศเขตไหล่ทวีป ก็ได้ดูเนื้อหาโดยละเอียดแล้ว อะไรที่เป็นปัญหา จะไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอน ต้องค่อยๆ ร่วมกันแก้ไข
แต่มาวันนี้ “อุ๊งอิ๊งค์” จากที่บอกว่าไม่ชนกับปัญหา ก็กำลังจะเดินหน้าชนปัญหาเข้าอย่างจัง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งผ่านการติวเข้มจากพ่อ มาหรือเปล่า
คนยโสโอหังอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว อยากได้อะไร ก็ต้องได้
ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะพบจุดจบยังไง
คงลืมไปว่า ความยโสโอหัง เคยทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” พังมาแล้ว ตอนขายหุ้นชินคอร์ปฯ เมื่อต้นปี 2549
ได้เงินมา 7.3 หมื่นล้านบาท ไม่ยอมเสียภาษีสักบาท อ้างว่ากฎหมายบอกไม่ให้เสีย แต่แท้ที่จริงคือ ใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีต่างหาก
นั่นก็ทำให้กระแส “ต้านทักษิณ” จุดติดขึ้นมาทั่วประเทศทันที จากเดิมมีแค่ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ของ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่สวนลุมพินี กลายมาเป็น “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ต่อต้านระบบทักษิณกระหึ่มทั่วทั้งแผ่นดิน หลังจากนั้นชะตากรรมของ “ทักษิณ” เป็นยังไง ก็รู้ๆ กันอยู่
มารอบนี้ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกแล้ว ถ้า “ทักษิณ ชินวัตร” ยังยโสโอหัง สั่งลูกสาวเดินหน้า MOU2544 ต่อ
เรื่องเบสิก ๆ แค่เปิดเวทีสาธารณะ ให้ฝ่ายเห็นด้วย-เห็นต่าง มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็ยังไม่ยอมทำ
มาอีหรอบนี้แล้ว คงต้องขอยืมคำพูด “สมชัย ศรีสุทธิยากร” มาอธิบายเหตุการณ์ในอนาคตข้างหน้า หากรัฐบาลยังดันทุรังเดินหน้า MOU2544 ต่อ ว่า งานนี้ ไม่ใช่เรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว แต่มาเป็นโอ่งมังกร!!
++ สาดกระสุนเดือด!! เสี่ยเบี้ยว-เสี่ยบู๊ แย่งเก้าอี้ นายกอบจ.อุบลฯ
การเลือกตั้งนายกอบจ.อุบลราชธานี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ มีผู้สมัคร 4 คน คือ หมายเลข 1 “กานต์ กัลป์ตินันท์” อดีต นายกอบจ.อุบลฯ สังกัด พรรคเพื่อไทย, หมายเลข 2 “สิทธิพล เลาหะวนิช” อดีตรองนายกอบจ.อุบลฯ สังกัด พรรคประชาชน, หมายเลข 3 “จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล” อดีต สส.โคราช ผู้สมัครอิสระ และ หมายเลข 4 “อธิปไตย ศุ้ย ศรีมงคล” สมาชิกพรรคไทรวมพลัง ผู้สมัครอิสระ
สนามเลือกตั้ง อบจ.อุบลฯ ครั้งนี้ ต่างจากสนาม อบจ.อุดรฯ เพราะไม่ใช่แค่ “ศึกแดง-ส้ม” แต่เป็น “สงครามบ้านใหญ่”
คนอุบลฯ มองว่าคู่ชิงจะเป็น “กานต์ กัลป์ตินันท์” กับ “จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ส่วนผู้สมัคร “พรรคส้ม” แม้จะมีคะแนน แต่ไม่ได้ลุ้นเก้าอี้นายกอบจ.
จึงเป็นสงครามตัวแทนระหว่าง “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์” อดีต รมช.มหาดไทย พี่ชาย “เสี่ยกานต์” กับ ค่ายแป้งมันอุบลฯ ของ “เสี่ยบู๊” สมศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล สามีของ “มาดามกบ” จิตรวรรณ
สภากาแฟตลาดเช้าฟันธงว่า งานนี้วัดกันที่“กระสุน” ไม่เกี่ยว “กระแส” ไม่ว่าจะเป็นกระแสพิธา หรือกระแสทักษิณ !!
เมื่อต้องวัดกันที่กระสุน ก็ต้องมาดู ตระกูลการเมือง เครือข่าย หัวคะแนน ในอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะสส.ในพื้นที่ ว่าใคร สนับสนุนบ้านไหน
โดยธรรมชาติแล้ว ในระดับพื้นที่จะให้ความสำคัญกับ ความสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่าเรื่องของพรรค
ในสายของ “เสี่ยเบี้ยว” นั้น นอกจาก สส.เพื่อไทย แล้วยังมีจากภูมิใจไทยบางส่วนให้การสนับสนุน อาทิ “อิสสระ สมชัย” และ ลูกสาว “แนน บุณย์ธิดา สมชัย” นอกจากนี้ก็มี “วุฒิพงษ์ นามบุตร” สส.อุบลฯ พรรคปชป. – “ชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ” อดีต สส.อุบลฯ “ กิตติ์ธัญญา วาจาดี” สส.อุบลฯ “รัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์” อดีต สส.อุบลฯ 2 สมัย “ธัญธารีย์ สันตพันธุ์” สส.อุบลฯ “สมคิด เชื้อคง” อดีต สส.อุบลฯ 3 สมัย เป็นต้น
ส่วนกำลังรบในสายของ “เสี่ยบู๊” ก็มี ตระกูล “โภคกุลกานนท์” บ้านใหญ่ตระการพืชผล ตระกูล “จินตะเวช” บ้านใหญ่เดชอุดม ยังมีตระกูล “ฟองงาม”- “นิลเปรม” – “ศรีธัญรัตน์” -“ตันติวณิชชานนท์” และ “โควสุรัตน์” จับมือเป็นแนวร่วม แนวหลังในศึกนี้
นั่นคือ เครือข่าย หัวคะแนนของแต่ละฝ่าย
คราวนี้มาดู “คลังกระสุน” กันบ้าง ในสาย “เสี่ยเบี้ยว” นั้น ตระกูล“กัลป์ตินันท์” เป็นตระกูลการเมืองมายาวนาน มีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ระดับยักษ์ใหญ่ในภาคอีสาน กวาดงานจากภาครัฐ ทั้งทางหลวงชนบท และงานในกำกับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตลอด ว่ากันว่า วงเงินของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ผ่านมานั้นอยู่ในระดับหลายพันล้าน อาจแตะหลักหมื่นล้าน ตัว “เสี่ยเบี้ยว” เอง ก็เป็นถึง รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
ส่วน “เสี่ยบู๊” แห่งตระกูล “หวังศุภกิจโกศล” เครือญาติของ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รมว.วัฒนธรรมคนปัจจุบัน ซึ่งตระกูลนี้ อยู่ในระดับ “อาณาจักรธุรกิจแป้งมันแห่งชาติ” กินพื้นที่ย่านอีสานใต้ทั้งหมด ตั้งแต่ โคราช ยันอุบลฯ และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน ภาคตะวันออก มูลค่าทางธุรกิจ ระดับพันล้าน หมื่นล้าน เหมือนกัน
เมื่อบารมีในพื้นที่ไม่ต่างกันมาก คลังกระสุนอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน สุดท้ายก็ต้องมาวัดกันว่า มือปืนฝั่งไหนจะยิงเข้าเป้ามากกว่ากัน ใครชนะ มีเก้าอี้ นายกอบจ.อุบลฯ เป็นรางวัล