xs
xsm
sm
md
lg

“ปกรณ์วุฒิ” ย้อน “อำมาตย์เต้น” หากต้านรัฐประหารยาก เพื่อไทยหาเสียงไว้ทำไม มีอำนาจพรรคอื่นกดไว้ก็บอกมาตรงๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปกรณ์วุฒิ” ย้อน “ณัฐวุฒิ” ถามเพื่อไทยหากต้าน รัฐประหารยาก แล้วหาเสียงไว้ทำไม หรือมีอำนาจพรรคอื่นกดไว้ ก็ให้บอกมาตรงๆ โวถ้า “อดีตก้าวไกล” ไม่เริ่ม ก็ไม่มีพรรคไหนขยับ เห็นด้วยร่าง “ประยุทธ์” ใกล้เคียงร่างของ ปชน. เข้าสภา เมื่อไหร่โหวตเห้นชอบแน่ ปลุกเพื่อนนักการเมือง ให้ดูก่อน สร้างกลไกกันปฏิวัติไว้ไม่เสียหาย ยกเกาหลีใต้ให้สภามีอำนาจคานได้

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรักษาการประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของฝ่านค้านต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ ว่า จริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นมาจากชุดกฎหมายชุดแรก ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม -สิงหาคม 2566 เพียงแต่เพิ่งได้เข้ามาในคิวของสภาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ขอนำกลับไปพิจารณาภายใน 60 วัน แล้วคืนกลับมาที่สภา ก่อนปิดสมัยประชุมพอดี จากนั้นถึงได้มีการเคลื่อนไหวของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยที่จะยื่นเข้ามาประกบเอง

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ต้องพูดตามตรงว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยื่นเข้าไปในตอนนั้น และไม่ได้เข้าคิวสภา ก็อาจจะไม่มีพรรคไหนที่จะเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลย ซึ่งเราเป็นคนยื่นเอง ดังนั้น เราจึงเห็นด้วยกับเนื้อหาร่างการแก้นี้อยู่แล้ว และร่างของนายประยุทธ์ ถือว่าใช้ได้ และค่อนข้างใกล้เคียง แตกต่างเพียงรายละเอียด ซึ่งตนมองว่าเป็นจุดประสงค์หลักของการรับร่างวาระหนึ่ง และเข้าไปพูดคุยกันในกรรมาธิการ

“ขอย้ำว่า พรรคประชาชน เห็นด้วยกับร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว อีกทั้งผมเห็นว่า ร่างนี้อาจจะถูกบิดไปแล้ว ไม่ใช่การป้องกันการรัฐประหารโดยตรงขนาดนั้น แต่คือการทำให้กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีแค่พรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่หาเสียงไว้ เพราะพรรคเพื่อไทยก็หาเสียงเรื่องนี้ไว้ว่าการปฏิรูปหรือปรับเปลี่ยนให้กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า พรรคเพื่อไทย ยังมีจุดยืนเช่นนั้นอยู่หรือไม่” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ว่า โอกาสสำเร็จยาก และอาจจะไม่ได้จำเป็นหรือแก้ได้จริงนั้น ตนมองว่า หากไม่สามารถแก้ได้จริงแล้วพรรคเพื่อไทยจะหาเสียงเรื่องนี้ไว้ทำไม รวมถึงที่บอกว่าสำเร็จยากนั้น นายณัฐวุฒิ ประเมินจากอะไร เพราะสภามี 500 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนที่ยื่นร่างนี้ไปแล้ว เสียงของทั้ง 2 พรรคก็ผ่านแน่นอน หรือที่ประเมินว่าผ่านได้ยากนั้น เพราะมีอำนาจอื่นๆ หรือพรรคอื่นๆ คอยกดพรรคเพื่อไทยอยู่ ก็บอกมาตามตรง

เมื่อถามว่า หมายความว่า พรรคเพื่อไทยเกรงใจพรรคร่วมอื่นหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง ที่เราอยากได้เสียงจากประชาชน และเราก็หาเสียงโดยการนำนโยบายไปเสนอกับประชาชนว่า ถ้าได้รับเลือกเข้ามา เราจะทำอะไรบ้าง หากย้อนกลับไปดูตัวเองว่าตอนนั้นหาเสียงอะไรไว้ ก็คงจะตัดสินใจได้ไม่ยาก ว่าจะทำเรื่องนี้ในสภาอย่างไร จะถอนหรือไม่ถอน และจะลงมติเห็นชอบหรือไม่ ก็ต้องลองไปพิจารณาดู หากคิดว่าจะทำไปตามแนวทางพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยครึ่งหนึ่ง ก็ลองดูว่า ประชาชนจะตัดสินอย่างไรในเลือกตั้งครั้งหน้า หากเอาคำพูดในวันนี้ไปเปรียบเทียบกับเวทีปราศัยหาเสียงก็จะรู้ว่ามันไม่สอดคล้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยถอนร่างดังกล่าว พรรคประชาชนจะแก้เกมอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อย่างไรวาระนี้ก็ต้องเข้าสู่สภาอยู่แเล้ว เพราะเป็นร่างที่ยื่นตั้งแต่พรรคก้าวไกล และจะถูกบรรจุเป็นเรื่องด่วนในสภาอยู่แล้ว ซึ่งในวันที่ 18 ธ.ค. หากไม่มีกฎหมายใดที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว หรือมีไม่มาก เรื่องนี้ก็จะอยู่ในเรื่องด่วน และเป็นไปได้ว่าจะเข้าที่ประชุมสภาฯในสัปดาห์หน้า และเราก็โหวตรับหลักการอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าสภาเราก็คงต้องสื่อสารประเด็นที่เราอยากจะแก้ให้ทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนอย่างชัดเจนมากขึ้น และการป้องกันการรัฐประหารอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่สามารถไปแก้ที่จุดอื่นได้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกองทัพตามที่หลายพรรคการเมืองได้หาเสียงไว้มากกว่า

ส่วนเหตุผลที่หลายพรรคออกมาค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ทั้งๆ ที่เป็นประโยชน์กับนักการเมืองนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การที่หลายพรรคออกมาบอกว่า ร่างกฎหมายนี้ต้านไม่ได้ หากเขาจะทำรัฐประหาร เขาก็ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ตนมองว่า การแก้ สามารถลองดูก่อนได้ ซึ่งการแก้เพื่อมีช่องทางในการป้องกันเอาไว้ ก็ไม่ได้มีใครเสีย หากใช้ไม่ได้ผลก็ไม่ได้ผล แต่ถึงเวลานั้นก็อาจจะได้ผลก็ได้ เพราะหากเกิดขึ้นจริง เราก็ไม่สามารถต้านได้อยู่แล้ว หากลองก็เผื่อจะได้ผล และคงไม่มีนักการเมืองพรรคการเมืองใดออกมาบอกว่าเห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ไม่เช่นนั้นคงไม่มาตั้งพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเราพิสูจน์ได้โดยการลองสร้างกลไกบางอย่างให้อำนาจของประชาชนสามารถต่อต้านอำนาจนอกระบบของระบอบประชาธิปไตยได้ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีกลไกให้รัฐสภาทำงาน

“ถ้าเราลองสร้างกลไกเอาไว้ มันได้ผลหรือไม่ได้ผลไม่รู้ แต่มันมีกลไกที่ถ้าทำสำเร็จ มันอาจจะต่อต้านอำนาจนอกระบบได้สำเร็จก็ได้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น