xs
xsm
sm
md
lg

90วัน “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” ยุคทองและโอกาสประเทศไทย!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

วันที่ 12 ธันวาคม ตามกำหนดการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะแถลงผลงานของเธอและรัฐบาล และมอบหมายนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน หลังจากบริหารบ้านเมืองมาครบ 90 วันหรือ 3 เดือน จากเดิมหากจำกันได้ในตอนแรกคิดจะแถลงวันครบ 100 วัน แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น 90 วัน ก็ไม่เป็นไร เชื่อว่ามีหลายคนล้างหูรอฟังกันแน่นอน พร้อมกับคิดในใจว่ามีผลงานอะไรที่น่าจดจำและน่าสนใจบ้าง

การแถลงผลงานดังกล่าวใช้ชื่อว่า “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ และถือเป็นงานใหญ่ไฟกระพริบกันเลยทีเดียว เพราะมีการระดมคนมากมายเข้าร่วม ตามข่าวบอกว่าราว 500 คน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ข้าราชการฝ่ายการเมือง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โฆษกกระทรวง หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน

เป็นการแถลงผลงานเริ่มตั้งแต่น.ส.แพทองธาร เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในปี 67 รวมถึงกรอบการทำงานของรัฐบาลและโครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลที่จะทำในปี 68 อาทิ โครงการเงินดิจิทัลที่จะเดินหน้าต่อในอนาคต กองทุนหมู่บ้าน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการยกระดับเศรษฐกิจ พร้อมพบปะมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินแก่ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการส่วนต่างๆ หลังมอบนโยบาย

ก่อนหน้านั้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามกำหนดการเดิม การประชุมคณะรัฐมนตรี กำหนดให้มีการประชุมทุกวันอังคาร แต่เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดพิเศษวันรัฐธรรมนูญ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงเลื่อนการประชุมไปเป็นวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

โดยในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม นี้ ที่ห้องประชุมใหญ่ ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จะแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน และการกำหนดทิศทางของประเทศไทยในปีหน้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับทุกประเทศในโลกได้ ซึ่งจากการรายงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นพ้องกันว่าในปี 2568 จะเป็นปีทองของประเทศไทย ทั้งในด้านธุรกิจ ท่องเที่ยว การเกษตร อุตสาหกรรม และการลงทุนในประเภทต่างๆ ที่มีโอกาสที่จะทำให้จีดีพีของประเทศเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ จะเป็นการมอบนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ภายใต้หัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง” ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้ารัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์การมหาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน กว่า 500 คน

อย่างไรก็ดี คำถามที่เกิดขึ้นในใจ ก็คือ รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีการแถลงผลงานอะไรออกมา เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผ่านมา 3 เดือน หรือหากย้อนไปจนถึงตั้งแต่ยุคของ รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน รวมเวลาปีกว่า ก็ยังไม่เห็นผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย เพราะนอกจาก “ไม่ตรงปก” แล้วยังมองไม่เห็นผลงานเลยด้วยซ้ำ

เพราะหากย้อนเวลาพิจารณาจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าการขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีเดือนละ 25,000 บาท เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เกิดขึ้นเลย แม้แต่ค่าแรงเพียงแค่วันละ 400 บาท ที่ประกาศยืนยันมาก่อนหน้านี้ ก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงนโยบายที่เรียกว่า “เรือธง” หลัก อย่าง“ดิจิทัล วอลเล็ต” แจกเงินหมื่นให้กับคนไทยตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคน ก็เกิดขึ้นไม่ได้ จนในที่สุดก็กลายพันธุ์มาเป็น“แจกเงินสด” ให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ใช้วงเงินราว 1.45 แสนล้านบาทเท่านั้น จากเดิมที่ประกาศว่าไม่ต่ำว่า 5 แสนล้านบาท และล่าสุดก็จะแจกเป็นเงินสดอีกล็อต ให้กับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป บอกว่าได้ก่อนตรุษจีนปีหน้า

ที่ต้องเน้นเฉพาะโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” เนื่องจากเป็นนโยบายขายฝัน มุ่งเน้นประชาชนนิยมที่ขาดความรับผิดชอบ เพราะเป็นการ “กู้มาแจก” ใช้เงินงบประมาณ ใช้เงินชาวบ้านแล้วมาแจกชาวบ้าน แจกเงินเพื่อหาเสียงล่วงหน้า สร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองเท่านั้น ขณะที่ชาวบ้านต้องเป็นหนี้

อีกทั้งไม่ได้เป็นการ “กระตุ้นเศรษฐกิจ” เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4-5 รอบ ตามที่คุยโม้เอาไว้ เพราะเอาเข้าจริงเมื่อมีการสำรวจออกมาแล้วปรากฏว่า ไม่เป็นการกระตุ้นอะไร หรือมีก็ถือว่าเบาบางมาก

นอกเหนือจากนี้ ที่ว่า “ไม่ตรงปก” ก็คือ โครงการแจกเงินดังกล่าวจะเรียกว่า “ดิจิทัล วอลเล็ต” ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะกลายเป็นการ “แจกเงินสด”

ขณะเดียวกันจะอ้างผลงานใน โครงการ 30 บาททั่วไทย ที่ขยายมาจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะที่ผ่านมาก็มีการพัฒนากันมาทุกรัฐบาล จนมากระทั่งไม่ต้องเสียสักบาท และก่อนหน้านั้นก็เริ่มมีการรักษากันได้ทุกที่ มีการนำร่องทดลองมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนโน้น

หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ที่เอาเข้าจริงก็เป็นการสานต่อ ขยายผลได้ประโยชน์หลังจากสถานการณ์โรคระบาดโควิดคลี่คลาย ซึ่งการท่องเที่ยวเวลานี้ก็ถือว่าเป็น “รายได้หลัก” ทางเศรษฐกิจตัวเด่นไปแล้ว ส่วนนโยบายอื่นๆ ทางเศรษฐกิจ การลงทุน จนบัดนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม

แม้ว่ายังไม่ถึงวันที่แถลงผลงานว่าจะออกมาแบบไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วมองไม่ออกว่าจะมีผลงานอะไรที่จะประกาศออกมาให้ชื่นใจได้เลย เพราะในปี 68 ที่อ้างว่าจะเป็น “โอกาสประเทศไทย” หรือ “ยุคทอง” นั้นน่าจะเกินจริงไปมาก เพราะบรรดากูรูทั้งหลาย ต่างมองตรงกันว่า เศรษฐกิจปีหน้าจะยุ่งยากกว่าเดิมหลายเท่า คนจะตกงานเพิ่ม การแข่งขัน และการกีดกันทางการค้าจะมากขึ้นกว่าเดิม จากความขัดแย้งของมหาอำนาจ ที่จะลากไทยให้เกิดปัญหา

ดังนั้นเมื่อการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้โตได้แค่ร้อยละ 2.4 และปีหน้าหากจะให้ถึงร้อยละ 3 ก็น่าจะยากเย็นเต็มทน การที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอ้างว่าจะทำให้โตปีละร้อยละ 5 นั้นยิ่งห่างไกล ประกอบกับความเชื่อมั่นในวุฒิภาวะของผู้นำตกต่ำลงเรื่อยๆ มันก็พอเดาทางข้างหน้าได้ดีว่าจะออกมาแบบไหน

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอฟังการแถลงในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ แต่ก็พอเดาออกได้ไม่ยากว่า ไม่น่าจะมีอะไร นอกจากหลอกให้เชื่อว่า เป็น “โอกาส และยุคทอง” เท่านั้น !!



กำลังโหลดความคิดเห็น