ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “จุ๊กกรู้” วอนนอนคุก แซะวันพ่อ ชาวเน็ตมอบแชมป์ ค.- เข้ากันเป๊ะนิยาม “อินฟลูฯ ปากหมา”
โดนทัวร์ลงเป็นปกติธุระอยู่แล้ว สำหรับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายจุ๊กกรู้” เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ จากจุดยืนเลือกข้าง “ทนายตั้ม” ในคดีฉ้อโกง “พี่อ้อย” วงเงินรวมกว่า 130 ล้านบาท
แต่สถานการณ์ล่าสุดกลับเลวร้ายกว่าเดิม เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา อันเป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ เพจทนายคลายทุกข์ ดันไปโพสต์ข้อความล่อแหลม คล้ายจะแซะ “วันพ่อ” ซะอย่างนั้น
จนคนจำนวนมาก มองว่าส่อเจตนาไม่ดี เข้ามาคอมเมนต์กระหน่ำ เพจแทบลุกเป็นไฟ สุดท้ายต้องลบโพสต์ทิ้ง
แต่แทนที่จะปล่อยให้กระแสเงียบๆไป “ทนายจุ๊กกรู้” กลับออกมาไลฟ์สดด่าคณะทัวร์ที่มาลง ด้วยถ้อยคําหยาบคาย จัญไรมั่ง ไอ้ควายมั่ง ทั้งสาปแช่งให้ตกนรก ออกอาการสติแตก
ออกปากหยาบคายเช่นนี้ ก็ตรงตามที่ “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตอบกลับทนายบางคน ที่มาแซะก่อน โดยนิยามให้เป็น “อินฟลูฯ ปากหมา”
แค่คำนี้คำเดียว “บิ๊กเต่า” ก็สอบผ่านฉลุย ได้เป็น "อินฟลูฯ ตำรวจ" ตามนโยบาย ผบ.ตร. ทันที
คํานิยามจาก “บิ๊กเต่า” นับว่าเข้ากันเป๊ะ กับสถานการณ์ล่าสุด ของ “ทนายเดชา” ที่ดันมาโพสต์แซะวันพ่อ พอโดนทัวร์ลงหนักๆ ก็เสียศูนย์ ด่ากลับหยาบๆ คายๆ
ก่อน “บิ๊กเต่า” จะพูดถึง “อินฟลูฯ ปากหมา” ก็มาจากที่ “ทนายเดชา” แกว่งปากใส่ “บิ๊กเต่า” ก่อน โดยเตือนให้ระวังติดคุก เพราะการแถลงข่าวบ่อย
ซึ่งถือเป็นคําพูดที่ไม่เข้าท่า เพราะสื่อจะรู้อยู่แล้ว ตํารวจบิ๊กๆ ในกองบัญชาการสอบสวนกลาง หรือ CIB ล้วนแต่ให้สัมภาษณ์อย่างระมัดระวังสุดขีด ไม่เคยหลุดข้อมูลเชิงลึกให้เสียรูปคดี นักข่าวล่อหลอกถามเท่าไหร่ ก็รู้ทันหมด
คนละแนวกับ “ทนายเดชา” ต่อให้รู้น้อย ก็พูดเหมือนรู้มาก อย่างพูดว่า “ทนายตั้ม” จะใช้ทีมทนายของ “บิ๊กโจ๊ก” ก็ถูกทีมทนายของ “บิ๊กโจ๊ก” ปฏิเสธหน้าแหก
เคยบอกว่า ตํารวจสอบสวนกลางไม่ออกหมายจับ “เจ๊พัช” คดีตบทรัพย์ ดิไอคอน “เจ๊พัช” จะได้ลอยกระทง แต่สุดท้ายตํารวจ ก็ออกหมายจับ “เจ๊พัช” ในวันลอยกระทง
แถมยังกล้าพูดว่าสื่อไม่สามารถเจาะข่าวทางลึกของตํารวจได้ ทั้งที่สื่อสามารถขุดคุ้ยข้อมูลลึกของ “ทนายตั้ม” แบบรายวัน นําเสนอกันเป็นเดือนแล้ว
ขณะที่ ตํารวจ CIB กําลังเป็นขาขึ้น เป็นขวัญใจประชาชน คนที่กระแสตกสวนทางตํารวจ ก็มีแต่ “ทนายเดชา” นี่แหละ ยอดไลก์ทุกวันนี้ ไม่ได้สัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นล้านๆ คนเลย
ไหนยังเป็นทนายคนแรก ที่ประชาชนไม่เกรงใจ คอมเมนต์แจก “ค.” กันเป็นร้อยๆ “ค.” ทางช่อง 8 และ ช่องอมรินทร์ ขอแค่เห็นข่าวของทนายเดชาออกจอ “ค.” ก็พรั่งพรูออกมาโดยอัตโนมัติ กลายเป็นเจ้าพ่อ “ค.” ไปเรียบร้อยแล้ว
สะท้อนเครดิตความน่าเชื่อถือของ “ทนายเดชา” เองว่ากําลังดําดิ่ง เจ้าตัวควรจะรู้ตัวได้แล้ว
ไม่ใช่แค่เป็นแชมป์ “ค.” เท่านั้น มีรายงานข่าวจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย ระบุว่า “ทนายเดชา” มีคดีถูกร้องเรียนมารยาททนายความจํานวนมาก ครองแชมป์การถูกร้องเรียน ทิ้งห่างคนอื่นๆ แบบไม่เห็นฝุ่น
ถือเป็นทนายเหนือทนายของจริง
สาเหตุที่ “ทนายเดชา” โดนคนร้องเรียนมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการไลฟ์สดแซะคนโน้นคนนี้ แบบไม่มีหูรูด
อีกส่วนก็มาจากวิธีการว่าความในศาล ซึ่งใช้แนวก้าวร้าว จนคนที่ถูกกระทําสุดจะให้อภัย
รายหนึ่งที่ประกาศเอาคืนทนายเดชา แบบสุดซอย ก็คือนักธุรกิจสาวลูกความของ “ทนายนิด้า” ที่เพิ่งชนะคดีทนายเดชา เป็นข่าวกระหึ่มเมื่อเร็วๆ นี้นั่นเอง
เธอร้องเรียนสภาทนายความถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในศาลของ “ทนายเดชา”ปรากฏว่าถูกทนายเดชาชิงฟ้องทันที กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จ ผลก็คือศาลยกฟ้องไปเรียบร้อย
แต่ก็น่าอนาถใจ สภาทนายความจนบัดนี้ก็ยังไม่เริ่มไต่สวนเลย ทั้งที่คดีในศาลของคู่กรณีสู้กันจนจบไปแล้ว.
++ เบื้องหลัง “เสี่ยเปี๋ยง” พักโทษ และสายสัมพันธ์รัฐบาลตระกูลชิน
ผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว “จีทูจีเก๊” ทั้ง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ “ภูมิ สาระผล” อดีต รมช.พาณิชย์ และ “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าว ต่างได้รับการพักโทษ ออกจากเรือนจำกันหมดแล้ว
ในรายที่ถูกพูดถึงกันมาก คงเป็น “เสี่ยเปี๋ยง” เพราะก่อนหน้านี้ ช่วงที่ “บุญทรง” ได้รับการพักโทษ ยังมีกระแสข่าวว่า เหลือ“เสี่ยเปี๋ยง”คนเดียวที่ยังอยู่ในเรือนจำ
กระทั่ง “วัชระ เพชรทอง” อดีต สส.กรุงเทพฯ ออกมาปูดว่า "เสี่ยเปี๋ยง" ได้รับการพักโทษ และถูกปล่อยตัวออกจากคุกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.67 พร้อมตั้งคำถามไปยังกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรี ว่า ที่ปล่อยตัวไปนั้นด้วยเหตุผล กลใด
ล่าสุด กรมราชทัณฑ์ ได้ต้องออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า คดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี นั้น “เสี่ยเปี๋ยง” ถูกพิพากษาจำคุก 48 ปี เหลือกำหนดโทษปัจจุบัน 21 ปี 11 เดือน 38 วัน นับแต่วันที่ 27 ต.ค.58 หักขัง 1,191 วัน จำมาแล้ว 12 ปี 1 เดือน (นับถึง วันที่ 20 ส.ค.67) จะพ้นโทษ วันที่ 27 ก.ค.77
“เสี่ยเปี๋ยง” เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม มีอายุเกิน 70 ปี มีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง และถูกจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ จึงเข้าเงื่อนไขในการยื่นขอพักโทษเป็น “กรณีพิเศษ” ซึ่งต่างจาก “กรณีปกติ” ที่ผู้ต้องขังอายุยังไม่ถึง 70 ปี และไม่ได้เจ็บป่วยด้วยโรงร้ายแรง ก็ต้องจำคุกมาไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกำหนดโทษ จึงจะยื่นขอพักโทษได้
โรคร้ายแรง ของ “เสี่ยเปี๋ยง” ตามที่ราชทัณฑ์ชี้แจงมา ได้แก่ โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย, โรคความดันโลหิตสูง, โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับชนิดรุนแรง, โรคต่อมลูกหมากโต,โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ, โรคเบาหวาน ,โรคหลอดเลือดสมองตีบ และล่าสุดได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต หรือ เปลี่ยนไต หากยังอยู่ในเรือนจำอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงได้รับการอนุมัติให้พักโทษ (เป็นกรณีพิเศษ)
สำหรับความสัมพันธ์ ระหว่าง “เสี่ยเปี๋ยง” กับ “รัฐบาลตระกูลชิน” นั้น ต้องย้อนไปเมื่อปี 2547 ช่วงที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน“เสี่ยเปี๋ยง”ทำโรงสีอยู่ที่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร และเพิ่งจะเข้าสู่วงการค้าข้าวส่งออก พอดีมีออร์เดอร์จากประเทศอินโดนีเซีย แต่ไม่มีข้าวที่จะส่งให้ จึงไปขอเข้าพบ ทักษิณ ที่ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ช่วยหาข้าวเพื่อส่งออก ซึ่ง ทักษิณ ก็ช่วยให้เสี่ยเปี๋ยง ส่งออกข้าวลอตนั้นได้สำเร็จ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และ “เสี่ยเปี๋ยง” ก็กลายมาเป็นคนสนิท เป็นมือเป็นไม้ ของ “ทักษิณ” อีกคนหนึ่ง
พอได้เข้าสู่วงการส่งออกข้าว แถมมีแบ็กดี “เสี่ยเปี๋ยง” ก็เริ่มออกลาย กระทั่งถูกจับติดคุกเมื่อปี 2558 ในคดียักยอกข้าว ของกรมการค้าต่างประเทศ ที่ว่าจ้างให้ บริษัท เพรสซิเดนท์อะกริเทรดดิ้ง ของเสี่ยเปี๋ยง ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออกไป อิหร่าน 2 ครั้ง
“เสี่ยเปี๋ยง”ถูกฟ้องสองคดี ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุกคดีละ 3 ปี รวม 6 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท
คดีจีทูจีเก๊ ที่ “เสี่ยเปี๋ยง” ถูกจำคุก 48 ปี ต้องนับโทษต่อจากคดียักยอกข้าวสองคดี รวมเวลาที่เสี่ยเปี๋ยงต้องติดคุก 54ปี
บทบาทและอิทธิพลของ “เสี่ยเปี๋ยง” ทำให้เขากลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในประเทศในยุคของ ทักษิณและยิ่งลักษณ์ และยังทำมาหากินข้ามกระทรวงไปถึง กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ในยุคที่ “วัฒนา เมืองสุข” เป็นรัฐมนตรี
แล้วในที่สุด “เสี่ยเปี๋ยง” ก็ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร่วมกับ “วัฒนา เมืองสุข” ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร โดยมีพฤติการณ์เรียกผลประโยชน์จากผู้รับเหมา ที่ต้องการรับงานก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร
คดี “จีทูจีเก๊” ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น “เสี่ยเปี๋ยง” ไม่ได้ส่งข้าวออกนอก แต่ ขายราคาถูก แบบขาดทุนเห็นๆ ให้กับพ่อค้าในประเทศ ที่เป็นเครือข่ายของ“เจ๊” ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง จนถูกล้อว่าการระบายข้าวล็อตนี้ เป็น “จีทูเจ๊”
การกว้านซื้อข้าวมาเก็บไว้เพียงคนเดียว ให้รัฐบาลทำตัวเป็นพ่อค้าข้าว ซึ่งเป็นที่มาของโครงการจำนำข้าว ที่สุดท้ายแล้วประเทศชาติต้อง “ขาดทุมมหาศาล” อาจจะมาจากไอเดียของ “เสี่ยเปี๋ยง” คนนี้ก็เป็นได้
แบบว่า “เสี่ยเปี๋ยงคิด ทักษิณสั่ง ยิ่งลักษณ์ทำ”