ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ คดีที่ 8 กำลังมา "ทนายตั้ม" ทำลายพินัยกรรม "พี่อ้อย" กองปราบฯ จ่อจับเพิ่มตัวละครลับร่วมแก๊งพร้อมแกะรอย "แจ็ค"กับมือถือที่หายไป
จากพยานหลักฐานและพฤติการณ์ของ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ทำไว้กับ "พี่อ้อย" จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีชาวปากช่อง ที่ไปอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ทำให้ถูกกองปราบฯแจ้งข้อกล่าวไปแล้ว 7 คดี และยังจะมีคดีที่ 8 ตามมาเร็วๆ นี้
คดีที่ 8 นี้มาจากการ "ทำลายพินัยกรรม" ของพี่อ้อย จตุพร อุบลเลิศ ซึ่งมีโทษจำคุกถึง 5 ปี หนักกว่าคดีฉ้อโกงเสียอีก
ฟังว่า กองปราบฯ กำลังรอผู้ได้รับมอบอำนาจจาก “พี่อ้อย” มาแจ้งขณะที่ข้อมูลพินัยกรรม ก่อนหน้านี้มีการสอบปากคำเนื้อหาข้อมูลกับตัวพี่อ้อยไปบ้างแล้ว
เรียกว่า คดีมาเรื่อยๆ ไปกันสุดซอยแน่ และ แว่วว่า กองปราบ จ่อจะออกหมายจับเพิ่มโดยขณะนี้ใกล้จะได้รับความชัดเจนแล้ว
วงในกระซิบมาว่า เป้าหมายจับกุมต่อไปย่อมเป็นทีม"ทนายตั้ม"ไว้เนื้อเชื่อใจถือเป็น"ตัวละครลับ" สำคัญ 2 คน ที่แบ่งหน้าที่กันทำผิดช่วย ตั้ม
คนแรกก็คือ "แตม" หรือ "สแตมป์" น้องสาวของ ทนายตั้ม
โดยบทบาทของ “แตม” เวลานี้ วิ่งเข้าวิ่งออกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่งข้าวส่งน้ำ และคอยรับคำสั่งตรงจากทนายตั้ม
แต่ความผิดสำเร็จแล้วของ “แตม” ตามที่กองปราบฯ รวบรวมหลักฐานมาได้ พบว่า แตม นี่เอง ที่เป็นคนทำใบเสร็จรับเงินปลอม ของบริษัทขายรถเบนซ์ ให้ทนายตั้ม เอามาหลอก พี่อ้อย!
ถ้ายังจำได้ก็คือ กรณีรถเบนซ์เจ้าปัญหาที่มีราคาขายจริง รวมออปชั่นทุกอย่างแล้วอยู่ที่ 11.4 ล้านบาท มีใบเสร็จตัวจริง จากบริษัทออกมาเรียบร้อย
แต่พอทางพี่อ้อย เอะใจ ทำไมตัวเลขไม่ตรงกับราคา 13 ล้าน ที่ “ทนายตั้ม”แจ้งเบิก จึงมีใบเสร็จใบที่ 2 ออกมา คราวนี้แก้ตัวเลขเป็น 12.9 ล้าน
ว่ากันว่า คนทำใบเสร็จใบที่สองไม่ใช่บริษัทขายรถ แต่เป็น “แตม” นี่เอง ที่มีฝีมือทางด้านนี้
สำหรับ “แตม” นั้น เป็นน้องสาวต่างมารดาของ “ทนายตั้ม”
สมัยยังจนๆ ทั้งตั้มและแตม ต่างมีเบ้าหน้าคล้ายๆ กัน แต่ช่วงอู้ฟู้ร่ำรวยมาด้วยกัน ก็ใส่แบรนด์เนม เหมือนกัน ใช้รถหรู ทะเบียน 99 เหมือนกัน และศัลยกรรมผ่าตัด จนหน้าเป็นเกาหลีเหมือนกัน
ว่ากันว่า “แตม”กำความลับของ “ทนายตั้ม” ไว้มากมาย และอาจรวมถึงทรัพย์สินที่หายไปอย่างเงิน 39 ล้าน และนาฬิกาหรู หลายเรือน
เพราะเธอทำงานใกล้ชิดกับทนายตั้มมาก มีชื่อเป็น “เหรัญญิก” ของมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
อย่างไรก็ตาม “แตม” ไม่ใช่ญาติใกล้ชิดคนเดียว ที่จะโดนกองปราบฯ ซิว ยังมีลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่จะโดนด้วย ก็คือ “แจ็ค”
โดยพ่อของ แจ็ค เป็นน้องชายของ แม่ทนายตั้ม
“แจ็ค” คนนี้ ปรากฏเป็นข่าวในช่วงแรกๆ ที่ “ทนายตั้ม” โดนคดี เพราะดันบินไปประเทศอังกฤษพอดี จนถูกนินทาว่าชิงหนีคดี หรือเปล่า ?
ภาพจำของ “แจ็ค” คือ ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมเหมือนกันทุกชิ้น ราวกับเป็นฝาแฝดกับ “ทนายตั้ม” ถ่ายภาพและคลิปด้วยกัน ระหว่างไปเที่ยวเมืองนอก
และปรากฏตัวดินเนอร์ กินไวน์กันในคฤหาสน์ของ “ทนายตั้ม” ที่ซื้อด้วยเงินของ “พี่อ้อย”
ส่วนเมียๆ ก็แต่งตัวสวยๆ โพสท่าถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข อารมณ์ราวกับชีวิตนี้มีแต่กลีบกุหลาบ
“แจ็ค” ก็เป็นอีกคนที่ใช้รถทะเบียน 99 ธุรกิจเปิดเผยของเขาคือ ขายนกแพง นกแบรนด์เนม จากต่างประเทศ
เขาเคยปฏิเสธออกสื่อว่า ที่ไปอังกฤษ แค่ไปเที่ยวธรรมดา เพราะแลกไมล์เป็นตั๋วบิสสิเนสคลาส มาตั้งแต่เดือนม.ค. 67 โน่น
แต่จากการสืบสวนล่าสุด ของกองปราบฯ พบว่า “แจ็ค” รับงานสำคัญมากจากทนายตั้ม คือการเอาโทรศัพท์มือถือของ “ทนายตั้ม” ไปซ่อนที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ “ทนายตั้ม” ตอนถูกสกัดจับได้ ระหว่างจะหนีข้ามไปเขมร กองปราบฯพบว่า เขาเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ แล้วใส่ซิมการ์ดของ เดือน ผู้เป็นภรรยาแทน
ส่วนโทรศัพท์ของ “เดือน” ก็ดันใช้ซิมการ์ดของ “ดาว” พี่สาวของเดือน
พฤติกรรมส่อพิรุธ มีลักษณะอำพรางตัว เพื่อหลบหนีเลี่ยงการไล่ล่าของตำรวจ
ว่ากันว่า เมื่อใดก็ตามที่กองปราบฯ ตามยึดมือถือของทนายตั้ม จากอังกฤษได้ ข้อมูลลึกลับดำมืดของโจรในคราบทนาย น่าจะหลุดออกมาให้สังคมตะลึงตาค้างกันอีกเป็นแน่
โปรดติดตามอย่ากระพริบตา!
++ อำนาจหด บารมีหาย “บิ๊กป้อม” ช่วงนี้คงต้องอยู่เป็นลุงแก่ๆ ธรรมดาแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” หรือ พี่ใหญ่ของ “3ป.” จากที่เคยเป็นศูนย์กลางอำนาจ ถนนทุกสายมุ่งสู่ “บ้านป่ารอยต่อฯ” มาวันนี้ อำนาจ บารมี กำลังถดถอยลงเรื่อยๆ จนแทบจะเรียกได้ว่า “พยัคฆ์กำลังสิ้นลาย”
ยิ่งในทางการเมืองแล้ว บอกได้ว่าไม่เห็นอนาคตเลย !!
จะว่าเป็นเพราะทำตัวเอง หรือบริวารเป็นพิษ คงไม่ผิดทั้งคู่
หากย้อนไปช่วงปลายรัฐบาล“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีรอยร้าวระหว่าง “ลูงตู่” กับ “ลุงป้อม” ออกมาให้เห็น
ไม่อย่างนั้น“ลุงตู่”คงไม่แยกตัวออกไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ “ลุงป้อม” เป็นใหญ่อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐคนเดียว
ไม่ใช่แผนแยกกันเดิน รวมกันตี อะไรหรอก แต่เป็นเพราะ “ลุงป้อม” อยากเป็นนายกรัฐมนตรี... อยากได้ครุฑ ตัวที่ 3 จนต้องขัดใจกับ “ลุงตู่”
หลังเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทั้ง “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” ไม่มีใครได้เป็นนายกฯ เพราะเป็นได้แค่พรรคขนาดกลาง ค่อนข้างไปทางเล็ก
ช่วงจัดตั้งรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ก็มีข่าวหนาหูว่า “ลุงป้อม” ถึงกับไปมีดีลลับกับ “ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อร่วมรัฐบาล
แต่แล้วเมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ... ในช่วงตั้งรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นั้น “ทักษิณ” ถึงกับประกาศเป็นการภายในว่า จะต้องไม่มี “พล.อ.ประวิตร” มาร่วมรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นการ “หยาม” กันอย่างเจ็บแสบ
เมื่อถูกเขี่ยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ภายในพรรคพลังประชารัฐเองก็เกิดความร้าวฉาน และแตกแยกกันในที่สุด เป็นสาย “ลุงป้อม” ที่ยังอยู่เป็นฝ่ายค้าน กับ สาย “ผู้กองธรรมนัส” ที่พาพลพรรคไปอยู่ซีกรัฐบาล
เรื่องถูกเขี่ยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลนี้ ทำ“ลุงป้อม” เสียหน้า หงุดหงิด เดือดดาล อย่างมาก เมื่อถูกนักข่าวถามถึงเรื่องที่สภา โหวตให้ “แพทอองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี “ลุงป้อม” ถึงกับ “หยุมหัว” หนักข่าวคนนั้น จนต่อมาถูกชาวโซเชียลฯ ตั้งฉายาให้ว่า “ลุงหยุม”
พอเรื่อง “ลุงหยุม” เริ่มซาไป ก็มีเรื่อง ฉาวโฉ่จากกรณีของ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ที่ขณะนั้นเป็นรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ คอยแถลงข่าวทั้งในนามพรรค และในนาม “ลุงป้อม” ที่สำคัญคือเขาเป็นคนใกล้ชิด ที่จะร่วมสานฝันให้ “ลุงป้อม” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มาถูกจับกุม พร้อมกับ “นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์” ผู้เป็นแม่ ในข้อหาฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ที่ได้มาจาก “บอสดิไอคอน”
ที่แม่โดนด้วยเพราะสามารถ ดันไปเอาเอาบัญชี “หม่าม๊า” มาเป็น “บัญชีม้า” รับเงิน โอนเงิน
แม้ทางพรรคจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรค แต่บุคคลนั้น เป็นรองโฆษกพรรค เป็นคนใกล้ชิดหัวหน้าพรรค มองยังไงก็เสียไปถึง “ลุงป้อม” ซึ่งลุงก็ได้แต่ปิดปากเงียบ เพราะกำลังอมเลือดที่กระอักออกมา
เรื่องนี้ยังไม่ซา ก็มีเรื่อง “หวานใจบิ๊กการเมือง” ระดับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไปยึดครอง ที่ ส.ป.ก. ทำรีสอร์ต ภูนับดาว ซึ่งกระแสในโซเชียลฯ ต่างพุ่งเป้าไปที่ “ลุงป้อม” ว่าคือ บิ๊กการเมืองคนนั้น
เมื่อนักข่าวยกหูไปหา “ลุงป้อม” เพื่อถามไถ่ ให้ความเห็น โดยเฉพาะเรื่อง"หวานใจบิ๊กการเมือง" ซึ่งลุงป้อม ตอบมาตามสายว่า “ไม่มีอะไร ไม่เคยทำอะไรผิดเลย”
เมื่อถามต่อว่า จะชี้แจง หรือแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ออกมาแฉ หรือไม่ “ลุงป้อม” ถามกลับว่า อะไรนะ ก่อนที่ลุงจะตัดสายไป
ล่าสุด สดๆ ร้อนๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องฉาวโฉ่ แต่เป็นเรื่องบารมีหดหาย นั่นคือ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับรองการจดทะเบียน การแต่งตั้งกรรมการสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทยชุดใหม่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ “ลุงป้อม” เป็นนายกสมาคมฯ อยู่ ก็ปลี่ยนเป็น “พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ”
การหลุดจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำฯ ครั้งนี้ มีผลทำให้ “ลุงป้อม” ไม่มีคุณสมบัติในการ ลงชิงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ วาระใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน มี.ค.68 เว้นเสียแต่ว่า จะได้เป็นนายกสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” กีฬาใดกีฬาหนึ่ง และต้องผ่านการรับรองการจดทะเบียน ก่อนเดือน มี.ค.68
ถึงนาทีต้องบอกว่า “ลุงป้อม” กำลังอยู่ในช่วงขาลงจริง ลงเร็ว ลงแรง ลงเหมือนรถไฟเหาะ ที่มีทั้งหกคะเมน ตีลังกา ใส่เกลียว จนเสียวท้องน้อยวูบวาบ