ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “ลุงป้อม” พูดแล้วปม "หวานใจบิ๊กการเมือง" ไม่มีอะไร ไม่เคยทำผิด "รองเต่า" แฉต่อเส้นเงินพัวพัน 8-900ล้าน !
ปมรุกที่ดิน ส.ป.ก.โดยไร่ภูนับดาว ปรากฏเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมขึ้นมาอีกคราด้วยว่า มีการแฉพบเส้นเงินเชื่อมโยงไปยังตัวละครที่ถูกเรียกว่าเป็น “หวานใจบิ๊กการเมือง”
เล่นเอานักสืบโซเชียล สืบหากันให้ควั่กว่า ทั้งบิ๊กการเมืองกับหวานใจนี้ เป็นใครกันหว่า?
ว่ากันว่า “บิ๊กนักการเมือง” ผู้นี้เคยเป็นผู้มากบารมี มีตำแหน่งใหญ่เป็นถึงรองนายกฯ ขณะที่หวานใจคนข้างกายก็ไม่ธรรมดา
กระแสข่าวร้อนระอุ กระทั่งผู้สื่อข่าวอดคิดถึง“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้ว่า อดีตนั้นก็เป็น "บิ๊กการเมือง" เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ หัวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในปัจจุบัน
มีรายงานว่า นักข่าวยกหูไปหา “ลุงป้อม” เพื่อถามไถ่ให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ"หวานใจบิ๊กการเมือง" ซึ่งลุงป้อม ตอบมาตามสายว่า “ไม่มีอะไร ไม่เคยทำอะไรผิดเลย”
เมื่อถามต่อว่า จะชี้แจงหรือแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ออกมาแฉหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ถามกลับว่า อะไรนะ ก่อนที่ลุงจะตัดสายไป
แหม..น่าเสียดายที่ลุงรีบตัดสายจึงจับใจความอะไรไม่ได้มาก ไปกว่างานนี้ลุงไม่ปฏิเสธเรื่องหวานใจ แต่ยืนยันไม่มีใครไปทำอะไรผิด
และยังไม่รู้จะเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่? เพราะลุงไม่ได้พูดอะไรมากดังกล่าว
แต่ว่า เรื่องของ "หวานใจบิ๊กการเมือง" ยังคงไปต่อ
พีกที่สุดก็ "รองเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “เปิดโต๊ะข่าว” ทางช่องพีพีทีวี ระบุว่า คดีนี้เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ- ป.ป.ท. -ปปง. และมีข้าราชการจำนวนมากเกี่ยวข้อง หมิ่นเหม่ทำผิดกฎหมาย รวมถึงผู้ประกอบการด้วย
เส้นเงินที่ตรวจพบเป็นไปตามที่ตัวเองเคยพูดไว้ คือ โยงไปถึง"หวานใจบิ๊กนักการเมือง" ไม่ใช่ 10 ล้าน หากมีจำนวนเงินมากถึง 900 ล้าน หรือ พันล้าน!
แต่จะเป็นเงินอะไร!? มาจากไหน!? “รองเต่า” ยอมรับว่า ยังอธิบายไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เงินมหาศาลกว่าพันล้าน ในบัญชีผู้หญิงคนนี้ พบว่ามีหมุนเวียนจะด้วยอะไรหรือจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ แต่ในเมื่อคนที่โอนให้มีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นเงินตรงนั้นก็ต้องไปขยายดูว่ามันไปเกี่ยวกับอะไรบ้าง
เรื่องนี้จึงมีแนวโน้มจะยาว แม้ “ลุงป้อม” บอกไม่มีอะไรๆ แต่มุมมองของ “รองเต่า” ระบุว่า ต้องเอาคดีรุกที่ ส.ป.ก. กับการทุจริตของเจ้าหน้าที่เป็นตัวตั้งก่อน เพราะว่าจะเข้าเรื่องการฟอกเงิน
หากเป็นไปอย่างที่ "รองเต่า" ว่า ก็ต้องโปรดติดตามอย่ากระพริบตา งานนี้หนาวกว่าอากาศก็เรื่องฟอกเงินของหวานใจบิ๊กการเมือง นี่แหละ!
++ จับตา “ยิ่งลักษณ์” กลับไทย ยอมติดคุก แบบอยู่นอกคุก!!
หลังจาก “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ได้รับการพักโทษ และถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางกลับ จ.เชียงใหม่ บ้านเกิด และยังคงเก็บตัวเงียบ
โดยในวันที่ 4 ธ.ค. “บุญทรง” ต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับทราบขั้นตอน และสิ่งที่ต้องปฏิบัติระหว่างการการพักโทษ ซึ่งเขาจะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน จึงจะถือว่าพ้นโทษ
จากนี้ไป เรื่องราวของ “บุญทรง” ก็คงจะค่อยๆ เงียบไป เพราะไม่สามารถกลับมาโลดแล่นในเวทีการเมืองได้แล้ว
คนที่จะกลับมาอยู่ในกระแสข่าวแทนก็คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกในคดีเดียวกันนี้เป็นเวลา 5 ปี
แต่ “ยิ่งลักษณ์” ได้ใช้ช่องทางธรรมชาติ หนีออกนอกประเทศไปก่อน ที่ศาลฯนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 25 สิงหาคม 2560
ตอนนี้ที่มีการพุดถึงกันมากคือ เมื่อ “บุญทรง” และ “ภูมิ สาระผล” อดีต รมช.พาณิชย์ ที่โดนจำคุกในคดีเดียวกันนี้ ต่างก็ได้รับการพักโทษกันไปแล้ว คราวนี้จะถึงคิว “ยิ่งลักษณ์” บ้างหรือไม่
แต่เงื่อนไขสำคัญของผู้ที่จะได้รับการพักโทษคือ ต้องติดคุก 2 ใน 3 ของโทษที่ได้รับ ขณะที่ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่ได้ติดคุกเลย แล้วจะเข้าสู่เงื่อนไขการพักโทษได้อย่างไร
ยิ่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นพี่ชาย บอกว่า “ยิ่งลักษณ์” จะกลับไทยในช่วงสงกรานต์หน้า หรืออาจก่อนหน้านั้น ยิ่งทำให้ผู้คนเกิดข้อสงสัยว่า จะกลับมาอย่างไร ใช้ช่องกฎหมายไหน แบบไม่ต้องติดคุก
เพราะตอนนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมามีอำนาจในเวทีการเมืองอีกครั้ง แม้จะไม่เป็นทางการแต่ก็เป็นอันรู้กันว่าเป็นเช่นนั้น ส่วน “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะยอมให้ “อาปู” ติดคุกหรือ
หลังการประชุมครม.เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวจึงถาม “นายกฯอิ๊งค์” ถึงเรื่องนี้ว่า มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ที่ “บุญทรง” ได้รับการพักโทษ เป็นการปูทางและเปิดทางให้ “ยิ่งลักษณ์” กลับไทยหรือไม่ คำตอบจากนายกฯคือ ...
“ท่านบุญทรงเป็นผู้ต้องขัง ท่านยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เป็น ไม่น่าจะเกี่ยวกัน และจากการฟัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เขาก็เข้าเกณฑ์ ใช่หรือไม่ ก็ปล่อย และก็มีคนเข้าเกณฑ์อีกมากมาย อันนั้นเป็นเกณฑ์ของทางราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ทราบดี ไม่เกี่ยวกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์อยู่แล้ว เป็นคนละสถานการณ์กัน”
เมื่อถามว่า “ยิ่งลักษณ์” ได้ประสานมาหรือไม่ว่าจะกลับไทย เมื่อไหร่ อย่างไร นายกฯตอบว่า “ไม่มีค่ะ เหมือนเดิม โทรคุยเฉยๆ ค่ะ”
คนไทยฟังแล้วรู้สึกอย่างไร คำตอบที่ได้ไม่เชิง ถามช้าง ตอบม้าเสียทีเดียว แต่การที่ “นายกฯอิ๊งค์” บอกว่า เป็นการโทรคุยกันเฉยๆ ในฐานะ อา-หลาน โดยไม่มีการคุยกันเรื่องจะกลับไทยเมื่อไหร่นั้น เหมือนไม่ยี่หระ ไปแบบน้ำขุ่นๆ โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนไทยเลย
เพราะในบริบทที่ผู้สื่อข่าวถามนั้น เป็นการถามนายกรัฐมนตรี ที่ต้องกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่ถาม “อุ๊งอิ๊งค์ หลานอาปู”
ขณะที่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ก็ได้แต่พูดว่า หาก “ยิ่งลักษณ์” จะกลับมา ก็ต้องเป็นไปตามช่องทางของกฎหมายเท่านั้น คือ จะต้องรายงานตัวต่อศาล จากนั้น ศาลจะพิจารณาฝากขัง เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ทางกฎหมาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หากมีอะไรเป็นกรณีพิเศษ เช่น กรณีป่วย ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งการป่วยก็ต้องป่วยจริง
ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษ จะต้องยึดตามกฎหมายราชทัณฑ์
สุดท้าย “ทวี” ตัดจบว่า ตอนนี้ยังไม่มีการประสานมาที่กระทรวงยุติธรรม พร้อมยืนยันว่า ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และตามความเป็นจริง
“ทวี” คงนึกเข็ดขยาดกับเรื่อง “ป่วยทิพย์” จึงเน้นเรื่องป่วยเป็นพิเศษ ว่าต้องเป็นไปตามความเป็นจริง
แต่เรื่องติดคุก ตามระเบียบใหม่ของราชทัณฑ์ มีหลายสถานที่ ที่เป็น “คุกนอกเรือนจำ” ก็ต้องจับตาว่า ยิ่งลักษณ์ จะยอมกลับมารับโทษหรือไม่ และถ้ามาแล้ว จะเป็นการ “ติดคุกนอกคุก” ตามรอยพี่ชาย หรือไม่
