เมืองไทย 360 องศา
หากจะว่าไปแล้วถือว่ารัฐบาลที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังโดนกระหน่ำหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่สาเหตุล้วนมาจากฝ่ายรัฐบาล หรือตัวนายกรัฐมนตรีเองล้วนๆ เป็นการเปิดช่องให้ถูกวิจารณ์ได้อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับกรณีล่าสุดหลังจากเกิดเสียงวิจารณ์จากชาวบ้านจำนวนไม่น้อย ต่อพฤติกรรมและท่าทีของนายกรัฐมนตรีระหว่างเกิดเหตุอุทกภัยทางภาคใต้ ที่หนักหนาสาหัส มีทรัพย์สินเสียหาย และมีคนเสียชีวิตหลายคน แต่นายกรัฐมนตรี กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวค่อนข้างช้า และยังเห็นภาพที่นายกฯ พาครอบครัวไปเดินชอปปิง เที่ยมชมสวนสัตว์กันแบบชิลๆ
แม้ว่าหากพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว อาจไม่ใช่เรื่องผิด แต่สำหรับภาพของผู้นำประเทศ เมื่อชาวบ้านเกิดภัยพิบัติที่ใดที่หนึ่ง จะต้องเกิด “อารมณ์ร่วม” หรือทำให้เห็นว่าตัวเองมีความทุกข์ร้อน และมีปฏิกิริยาสั่งการแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที หรืออาจมีการตั้งกองบัญชาการ ประสานงานหน่วยงานช่วยเหลือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ แต่ภาพที่ปรากฏกลับออกมาเป็นตรงกันข้าม ซึ่งท่าทีแบบนี้ก็ไม่ต่างจากกรณีที่เกิดน้ำท่วมในภาคเหนือก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของครอบครัว
กรณีล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังออกมาโพสต์ตอบโต้คนที่วิจารณ์เธอกลับไปแบบไม่ยอมลดราวาศอก โดยเธอได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว บัญชีผู้ใช้ Ingshin 21 เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. หลังเจอกระแสดรามาทั้งในโซเชียล และฝ่ายตรงข้าม กล่าวหาว่าละเลยภาคใต้ หลังเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนัก แต่ไม่ลงไปดูแลคนในพื้นที่ และเมื่อวานนี้ นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ ว่า “คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี
โดยวันนี้ (วันที่ 2 ธันวาคม) นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความในสตอรี่อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุข้อความภาษาอังกฤษว่า “Your negativity is a reflection of your own reality.” 100% ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทย ว่า “ความคิดเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงของตัวคุณเอง”
นอกจากนั้น ยังมีการแชร์อีก 1 ข้อความภาษาอังกฤษว่า “INSECURE PEOPLE PUT OTHERS DOWN TO RAISE THEMSELVES UP.” ซึ่งแปลความหมายคือ “คนที่ไม่มีความมั่นใจ กดคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตนเองให้สูงขึ้น”
ลักษณะการโพสต์ตอบโต้แบบนี้ของนายกรัฐมนตรี ไม่ต่างจากการ “ต่อความยาวสาวความยืด” แน่นอนว่า ย่อมไม่เป็นผลในทางบวกกับตัวเธอ และรัฐบาล กลายเป็นว่าไม่ยอมอดทนต่อเสียงวิจารณ์จากภายนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีเสียงสะท้อนผ่านทางผลสำรวจจากบางสำนัก ที่ชาวบ้านไม่เชื่อมั่นรัฐบาล รวมถึงไม่เชื่อมั่นในผลงานที่ผ่านมา
ซึ่งเสียงวิจารณ์เหล่านั้น ก็อย่างที่บอกในตอนต้นก็ล้วนมาจากพฤติกรรมของตัวเองทั้งสิ้น และล่าสุดแม้ว่าคนที่ “อวย” เห็นด้วย สนับสนุนเธอ และบิดาของเธอคือ นายทักษิณ ชินวัตร อย่าง “วันชัย สอนสิริ” อดีต ส.ว.ก็ยังทนไม่ได้ต้องออกมาเตือนให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขในสามเรื่องสำคัญ
นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “บุคลิกของนายกฯอุ๊งอิ๊ง” โดยระบุว่า คนที่เขาเกลียดคงไม่ต้องพูดถึงหรอก อะไรๆ เขาก็ด่านายกฯ อุ๊งอิ๊ง และพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ชอบและเชียร์นี่สิ เขาก็เริ่มไม่สบายใจกับเรื่องที่น่าเป็นห่วงของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง สัก 2-3 เรื่อง
1.บุคลิกลักษณะการแต่งเนื้อแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม รองเท้า เขาพูดกันเยอะนะ นายกฯ ผู้หญิง มันต่างกับนายกฯ ผู้ชาย ควรจะพิถีพิถันให้มันเหมาะสม ไม่ควรจะเป็นขี้ปากใครด้วยเรื่องอย่างนี้
2.ท่าทีการให้สัมภาษณ์ แสดงออกถึงความรู้ความสามารถและการเตรียมตัว ที่แล้วมาบ่งบอกถึงความไม่พร้อม ไม่มีการเตรียมตัว มือไม้หน้าตามันเลิ่กลั่ก ระเกะระกะ ตื่นเต้น ประหม่า ซึ่งคนที่เป็นผู้นำไม่ควรจะเป็นอย่างนี้
3.เรื่องครอบครัวผัวเมียลูกเต้า ดูคุณทักษิณสมัยเป็นนายกฯ สิ คุณหญิงอ้อและลูกๆ ปรากฏตัวน้อยมาก ไปเท่าที่จำเป็นในบางครั้งบางโอกาสเท่านั้น นายกฯ อุ๊งอิ๊ง กับสามีและลูก ที่หอบกันไปหอบกันมาในหลายครั้งหลายโอกาส เขาวิจารณ์กันเยอะ เรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องของครอบครัว หลังบ้านก็คือหลังบ้าน เราคือนายกฯ ของคนไทย เรื่องอย่างนี้ไม่ควรจะให้ใครมาว่าได้
ทีมงานของนายกฯ ควรรีบแก้ไขโดยด่วน อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกต่อไป แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย มันก็บานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ เพราะวุฒิภาวะของนายกฯ คือหน้าตาของประเทศ ขนาดคนชอบคนเชียร์ยังรู้สึกได้ แล้วคนเกลียดล่ะ มันจะไม่ขยายความขยายเรื่องกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเลยรึ?
เมื่อได้เห็นคำเตือน เสียงวิจารณ์จากคนข้างนอก และการตอบโต้กลับมาแบบไม่ลดราวาศอก ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้มองเห็นว่า เธออาจมีปัญหาในเรื่อง “วุฒิภาวะ” อย่างที่มีการพูดกัน ซึ่งในตอนแรกๆ อาจคิดไปว่าคนที่วิจารณ์เป็นเพราะความมี “อคติ” มีความไม่ชอบเป็นส่วนตัวอยู่แล้วก็ได้ แต่หลังจากเกิดพฤติกรรมซ้ำๆ หลายครั้งทำให้ต้องมาพิจารณากันอีกครั้งว่า ใช่หรือเปล่า
ขณะเดียวกันหากสังเกตถึงการบริหารรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร อาจจะเรียกว่าได้แทบไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ในลักษณะที่เป็นแก่นสารทุกอย่างแทบจะเป็นงานฉาบฉวย การพูดการให้ข้อมูลในแบบพื้นๆ ไม่มีข้อมูลสนับสนุนในเชิงลึก หรือหลักการในเชิงนโยบาย ส่วนใหญ่ภาพที่ออกมาในลักษณะที่ว่ามีคนจัดการ หรือมี “เขียน” เอาไว้ให้ท่องจำเสียมากกว่าความรู้ความเข้าใจ เหมือนกับที่ถูกค่อนขอดว่า “นายกฯไอแพด” นั่นแหละ
ทำให้น่าหนักใจเหมือนกันว่า เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มรุมเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดนที่ประดังเข้ามา ทั้งเหนือใต้ออกตก ที่เริ่มถูกคุกคาม หรือแม้แต่ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เริ่มมีเหตุความรุนแรงถี่ขึ้นจนผิดสังเกต ทำให้น่ากังวลว่า เธอจะรับมือไหวหรือไม่
ดังนั้น เมื่อประมวลจากพฤติกรรมหลายอย่างของ นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นเพราะเธอเป็นคนไม่ยอมแพ้ ต้องการเอาชนะ ตอบโต้คนที่วิพากษ์วิจารณ์เธอ หรือว่าอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเธอ “ขาดวุฒิภาวะ” หรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การแสดงออกที่สะท้อนออกมา ล้วนไม่เป็นผลบวกแน่นอน !!