รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท. ทำหนังสือถึงเลขาฯ ป.ป.ช.ขอให้ “เอกวิทย์ วัชชวัลคุ” ถอนตัวจากการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดี “สุรเชชษฐ์ หักพาล” และถอนตัวจากอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เหตุมีความใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ที่ถูกตำรวจ ปปป.ดำเนินคดีฐานร่วมมือกับ “พ.ต.ท.คริษฐ์” ตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน “บิ๊กโจ๊ก” ด้วยข้อมูลเท็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.สอท.) ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง ขอให้นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
หนังสือฉบับนี้ ระบุว่า พ.ต.ท.มนต์ชัย ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช. คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ น.ส.อารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด" และ บก.ปปป.ได้ส่งเรื่องให้สำนักงาน ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น
หนังสือฉบับนี้ของ พ.ต.ท.มนต์ชัยระบุว่า เนื่องจากทราบว่า นายสมบัติ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช.ในหลายคณะของ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.และต่อเนื่องมาจนถึงนายเอกวิทย์ ซึ่งนายสมบัติมีความรู้จักสนิทสนมกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และให้การช่วยเหลือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ในการตกแต่งบัญชีทรัพย์สินฯ ที่ต้องยื่นต่อสำนักงาน ป.ป.ช. โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง และยังมีนายวิสูตร ด้วงมาก เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการรับผิดชอบสำนวนคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ถูกกล่าวหา ซึ่งนายวิสูตร ก็ปรากฎข้อมูลว่าได้ร่วมทริปไหว้พระตามที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ติดต่อประสานงานและรับประทานอาหารร่วมกันที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11-13 มีนาคม 2565
แม้ต่อมานายวิสูตร จะถูกย้ายไปจากตำแหน่งเดิม และนายสมบัติจะขอถอนตัวจากการเป็นอนุกรรมการ ป.ป.ช.คณะต่างๆ ที่มีนายเอกวิทย์เป็นหัวหน้าคณะก็ตาม แต่ก็อาจเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส่ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับคดีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายเอกวิทย์ จึงขอให้นายเอกวิทย์ถอนตัวในการพิจารณาไต่สวนและวินิจฉัยคดีต่างๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และถอนตัวจากการที่จะร่วมเป็นคณะอนุกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติได้ยื่นหนังสือถึงนายเอกวิทย์ เพื่อยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งอนุกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ (นายสมบัติ สังกัดนายเอกวิทย์) ซึ่งมีผลวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา และ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ในขณะนั้นได้ลงนามอนุมัติแล้ว อีกทั้งนายสมบัติยังเคยสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ป ป ช.แล้วครั้งหนึ่งแต่คุณสมบัติไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนวนของ บก.ปปป. จำนวน 1,420 แผ่นที่สอบสวนจากคอมพิวเตอร์และแชตไลน์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ที่ตรวจยึดได้ช่วงค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ซอยวิภาวดีรังสิต 60 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 พบว่าบุคลากรสำนักงาน ป.ป.ช.คือนายสมบัติและบุตรสาว นายจัตุรงค์และแฟนสาว นายวิสูตรและแฟนสาวส่งเอกสารประจำตัวเพื่อให้ พ.ต.ท.คริษฐ์ จองตั๋วเครื่องบินจาก กทม.ไปสงขลา โดย พ.ต.ท.คริษฐ์ใช้บัญชีม้าชำระเงิน และทั้งหมดเดินทางช่วงวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 เพื่อไปตกแต่งบัญชีทรัพย์สินฯ ของนางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์หลายรายการ
สำนวนของ บก.ปปป.ระบุว่า บางรายการนั้นพบว่าบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช.เหล่านี้ ร่วมกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ สร้างเอกสารปลอมในประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของนายบัญชา พานิชพงศ์ บิดาของนางศิรินัดดาหลายรายการ ซึ่งบางรายการนั้นพบว่ามีการปลอมลายมือชื่อของนายบัญชาและสร้างเอกสารสัญญาต่างๆ หลายฉบับขึ้นมาใหม่ โดย บก.ปปป.เชื่อว่า พ.ต.ท.คริษฐ์เป็นผู้ปลอมลายมือชื่อของนายบัญชาและเป็นการทำเอกสารย้อนหลัง โดย พ.ต.ท.คริษฐ์และบุคลากรของสำนักงาน ป.ป.ช.ร่วมดำเนินการหลังจากที่นายบัญชาเสียชีวิตในวันที่ 19 มีนาคม 2565
สำนวนของ บก.ปปป.ยังระบุว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ติดต่อกับนายสมบัติ นายจัตุรงค์ นายวิสูตร หลายครั้ง โดยเป็นการหารือผ่านระบบแชตไลน์ในการร่วมกันจัดทำบัญชีทรัพย์สินฯ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์และภรรยาหลายรายการ ซึ่งการดำเนินการของ พ.ต.ท.คริษฐ์นั้น บก.ปปป.ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ร่วมรับรู้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯต่อสำนักงาน ป.ป.ช. และยังพบว่านายสมบัติติดต่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์โดยตรงในร่างอวตาร “ทัตเทพ” อีกด้วย
ซึ่งตอนนี้สำนักงาน ป.ป.ช.ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว และจะชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวพนักงานสอบสวน บก.ปปป.คนหนึ่งกล่าวว่า นอกจากการแจ้งความผิดของบุคลากรสำนักงาน ป ป ช.ในข้างต้นนั้น เร็วๆ นี้ บก.ปปป.อาจส่งข้อมูลของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ระดับสูงในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช.จำนวน 2 คน โดยคนแรกนั้นอาจเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือคดีต่างๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ที่อยู่ในการพิจารณาของสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นมีพฤติการณ์ขอให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ช่วยเหลือในการฝากญาติเข้าทำงานที่ สมช.