เมืองไทย 360 องศา
นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมหนักในภาคใต้ ชนิดที่เรียกว่า “สาหัส” กันเลยทีเดียว บางจังหวัด เช่นแถบจังหวัดชายแดน เช่น ยะลา นราธิวาส และปัตตานี รวมไปถึงจังหวัดสงขลาในบางอำเภอ ที่น้ำมาเร็วและแรงในรอบหลายสิบปี และแม้ว่าเมื่อเกิดเหตุน้ำหลากเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้ทุกอย่างจมอยู่ใต้น้ำ หรือถูกพัดพาเสียหายหายวันไปกับตา บรรดาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น อาสาสมัครต่างระดมช่วยกันอย่างเต็มที่ก็ตาม
แต่ขณะเดียวกัน มันก็เกิดความรู้สึกของ ชาวบ้านและหลายคนในสังคมที่มองเห็นว่า รัฐบาล โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างช้า ในวันแรกๆ แทบจะไม่มีคนในรัฐบาลกล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้เลย ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรง มีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก และมีชาวบ้านเสียชีวิต
อีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นว่า ได้เห็นภาพของนายกรัฐมนตรีและสามีและลูกๆ เดินช็อปปิ้ง เที่ยวสวนสัตว์แบบชิวๆ แม้ว่าอาจไม่ใช่เรื่องผิด หากมองว่าทุกอย่างสามารถทำพร้อมกันได้ เป็นการเที่ยวชมตลาดก็เหมือนกับการพบปะชาวบ้าน สำรวจภาวะเศรษฐกิจ ปากท้องของชาวบ้าน แต่สำหรับในสถานการณ์ที่ยังมีคนได้รับความเดือดร้อน มันก็ต้องมี “อารมณ์ร่วม” กันมากกว่านี้หรือไม่
ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจที่มี “ดรามา” วิจารณ์กันอย่างแรงในสังคมโซเชียลฯ ทำนองนายกรัฐมนตรีไม่รู้สึกรู้สากับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เท่าใดนัก ซึ่งหากย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือก่อนหน้านั้น ความรู้สึกในลักษณะแบบเดียวกันก็เคยมีมาแล้ว คราวนั้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ก็เกิดเสียงวิจารณ์ในทำนอง “รู้สึกช้า” เช่นเดียวกัน แต่คราวนั้นอาจเป็นเพราะเธอเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่กี่วัน อาจยังไม่เคยชินกับการบริหารสั่งการเท่าใดนัก
แต่เมื่อเหตุการณ์ภาคใต้ซ้ำขึ้นมาอีก มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ออกมาในแบบที่ว่า “ไม่มีวุฒิภาวะ” ไม่มีภาวะผู้นำทางการเมือง เป็นต้น ทำให้เกิดแต้มลบทางการเมืองแบบไม่ควรจะเป็น เพราะในสถานการณ์แบบนี้ แทนที่จะเป็นการ “สร้างโอกาส” แต่กลายเป็นว่า “เปลี่ยนโอกาสให้เป็นวิกฤต” เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี หลังเกิดกระแสดรามาในโซเชียลหนักว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ลงพื้นที่ไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมชายแดนภาคใต้ แต่กลับเดินกับครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่-เชียงราย ซึ่งเป็นช่วงที่มีการประชุม ครม.สัญจร ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เบื้องต้นมีรายงานว่า นายกฯ มีกำหนดการเตรียมลงพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจติดตามสถานการณ์น้ำ และเร่งรัดการเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.จะมีการประชุม ศปช. เพื่อวางกำหนดการ และจุดที่จะลงไปติดตามตรวจเยี่ยม โดยวางไว้เบื้องต้น ว่านายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ ในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้
มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ให้ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะจุดที่ขาดแคลนเครื่องมือ และได้ประสานกระทรวงกลาโหม ให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน โดยต้องการให้เร่งรัดขั้นตอนการเยียวยา ให้เกิดความรวดเร็ว ไม่ให้ประชาชนต้องรอนาน
ทั้งนี้ มีการอ้างว่า นายกรัฐมนตรีตั้งใจจะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เกิดน้ำท่วมในช่วงแรกแล้ว แต่ติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่วางกำหนดการไว้ก่อนหน้าแล้ว และหากไปในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมหนัก จะเป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่ ที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนต้องมาคอยต้อนรับ โดยตลอดช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม นายกฯได้ติดตามและสั่งการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกองทัพ ลงไปช่วยประชาชนอย่างเต็มที่ ล่าสุดรัฐบาลได้มีการสั่งเบิกงบภัยพิบัติให้กับพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ ว่า ตนได้ส่ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ลงไปดูสถานการณ์ ซึ่งอยากให้ พล.อ.ณัฐพล ได้รายงานสภานการณ์เบื้องต้น
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วม ที่ จ.ยะลา หนักที่สุด โดยมวลน้ำทั้งหมด จะเคลื่อนย้ายไป จ.ปัตตานี จากการพยากรณ์อากาศ ฝนจะตกในพื้นที่ จ.สงขลา กับ จ.สตูล ดังนั้นใน 2-3 วันนี้ ต้องเฝ้าระวัง จ.ยะลา จ.ปัตตานี จ.สงขลา จ.สตูล และคาดว่า ปริมาณน้ำ 1-2 วันนี้ สถานการณ์จะเบาลง และดีขึ้น ส่วนพื้นที่ปักธงแดง น้ำยังคงท่วมสูงการเข้าออกบางพื้นที่ต้องใช้รถใหญ่ เส้นทางสัญจรค่อนข้างลำบาก มีปัญหาเรื่องการส่งกำลัง ทั้งน้ำมัน แก๊สหุงต้ม อาหาร ที่จะส่งเข้าไปในพื้นที่ ที่ทางรมว.กลาโหม ได้สั่งการทุกหน่วยให้เร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทั้งนี้ น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ จะเป็นเพียงน้ำไหลผ่าน จะไม่เหมือนกับน้ำท่วม จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย
นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า ช่วงนี้เป็นฤดูน้ำหลาก ในส่วนรัฐบาลเตรียมการเรื่องการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชน แต่เบื้องต้น ให้รมช.กลาโหม ไปดูการจัดสรรกำลังในพื้นที่ดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ขณะนี้ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ทำหน้าที่บูรณาการ ในส่วนของกองทัพถ้าเป็นหน่วยเสริมสนับสนุน ตนได้สั่งการเตรียมเงินเยียวยา เเละเงินดูแลส่วนต่างๆ เหมือนที่ดูแลจังหวัดอื่นๆ ปัจจุบันเตรียมการเสร็จแล้ว ยืนยันดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลด ส่วนที่รัฐบาลถูกโจมตีว่า ลงพื้นที่ดูแลน้ำท่วมภาคใต้ ล่าช้านั้น ยืนยันว่าไม่ล่าช้า เราลงพื้นที่ ทันทีเมื่อทราบสถานการณ์ อย่างพล.อ.ณัฐพล ก็ลงไปตั้งแต่วันเเรก นอกจากนั้น ยังมีรัฐมนตรี คนอื่นๆ เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ลงพื้นที่
แน่นอนว่า นั่นคือคำชี้แจง หรือคำแก้ตัว ของฝ่ายรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แต่หากพิจารณาจากปฏิกิริยา ถือว่าค่อนข้างช้า โดยเฉพาะ “แอ็กชัน” ของนายกรัฐมนตรี น่าจะมี “อารมณ์ร่วม” ได้ดีกว่านี้ และยิ่งได้เห็นการ “เดินชอปกับครอบครัว” อย่างชิวๆ เชื่อว่าหลายคน “ขัดหูขัดตา” แน่นอน
อย่างไรก็ดี ทำให้มองเห็นถึงภาวะผู้นำหรือวุฒิภาวะทางการเมือง เพราะหากเทียบกับนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมีปฏิกิริยาแบบทันท่วงทีมากกว่านี้ ให้เห็นภาพเปรียบเทียบอย่างชัดเจน
ดังนั้นจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้คราวนี้ น่าจะเป็นบทเรียนให้กับนายกรัฐมนตรีได้ดีกว่าเดิม เพราะสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้เป็นไปตามราคาคุย ที่นายทักษิณ ชินวัตร พ่อของเธอพูดเอาไว้ เพราะมันเกินความจริงไปมาก !!