วันนี้(30 พ.ย.)นายคารม พลพรกลาง ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ผู้เห็นต่าง ควรเคารพคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ควรรู้ว่าความเหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นว่าควรมีแค่ไหน เพียงไร อย่าเลยเถิด ในเมื่อกรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ก็ควรเคารพในดุลพินิจ ว่าจะการเพิกถอนหรือไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน ซึ่งแม้ว่าตามกฎหมาย เป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินก็จริง แต่กรณีที่ดินเขากระโดง ได้กระทำในรูปของคณะกรรมการ ซึ่งข้าราชการเหล่านั้นเขามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และได้ทำตามคำพิพากษาของศาล มีกระบวนการการตรวจสอบ ทุกฝ่ายจึงควรเคารพ ไม่อย่างนั้น บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร หากเอาอคติมาใช้
นายคารม กล่าวว่า ส่วนคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแแดงที่ 1112/2563 คดีตามคำพิพากษาของศาลฏีกาคดีหมายเลขแดงที่ 842-876/2560 และคดีของศาลฎีกาคดีหมายเลขแดงที่ 8027/2561 นั้น ข้อเท็จจริงในแต่ละคดีดังกล่าว นอกจากจะเป็นเรื่องเฉพาะคดีแล้ว คู่ความในแต่ละคดีก็คนละคน ตามมาตรา 145 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คำพิพากษาของศาล จะไม่สามารถที่จะผูกพันบุคคลภายนอกคดีได้ ยิ่งกว่านั้นคดีของศาลยุติธรรมดังกล่าวข้างต้น กรมที่ดิน ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว จึงไม่ต้องผูกพันตาม กรมที่ดินเป็นคู่ความเฉพาะคดีของศาลปกครองกลางเท่านั้น และที่ดินก็ได้ทำตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางแล้ว
“เพราะฉะนั้น ทุกคนที่วิพากวิจารณ์ แบบมีอคติ และใช้คำพูดรุนแรง โดยเฉพาะนักกฎหมายบางคน ที่เป็นอัยการ ได้พูดในทำนองว่าถ้าอธิบดีกรมที่ดินไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดงจะถูกเนินคดีอาญนั้น นอกจากไม่เหมาะสม กับคนที่มีอาชีพเป็นถึงข้าราชการอัยการ แถมมีความรู้ทางกฎหมาย กลับมาพูดให้สังคมสับสน และพูดออกไปทำนองข่มขู่คนอื่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง คนที่มีความรู้ทางกฎหมายไม่สมควรทำแบบนี้ และยังมีสื่อมวลชนอาวุโสบางคน ยังกล่าวหาคนอื่น และพยายามจะพูดให้คนอื่นเสียหายพูดจา รุนแรง “ หยุดโกงเขากระโดง หยุดโกงแผ่นดิน ” ซึ่งเป็นการใช้สื่อโจมตีคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น “ นายคารม ระบุ
”ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เคารพคำพิพากษาของศาล และต้องเข้าใจว่า คำพิพากษาของศาลแต่ละฉบับนั้นข้อเท็จจริงแตกต่างกัน ข้อเท็จจริงในคดีแต่ละคดีนั้นก็ต่างกัน คู่ความก็แตกต่างกัน คำพิพากษาศาลฎีกา มีหลายคดี ก็เปลี่ยนแนวคำวินิจฉัยมามากมาย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ดินเขากระโดงมีประชาชนกว่า 900 ครอบครัว เขาอาศัยอยู่ เขาก็มีจิตใจ เขาก็เป็นคนไทย เขาอยู่มานาน การจะดำเนินการอย่างไร ก็ต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ การกล่าวเที่ยวกล่าวหาว่า คนในตระกูล ใดตระกูลหนึ่ง และเลยเถิดไปโจมตีนายอนุทิน ชาญวีรกูล ทั้งที่ท่านยืนยัน ไม่เคยคิดจะไปช่วยเหลือใคร หรือเอื้อประโยชน์ให้กับคนใดคนหนึ่งเลย จึงไม่ถูกต้อง คนที่เป็นนักกฎหมายระดับอัยการ ควรมีจิตสำนึกให้มากกว่านี้ คุณไม่ใช่ศาลที่จะมาชี้ว่าใครผิดใครถูก รวมทั้งคนที่อ้างเป็นสื่อมวลชนอาวุโส ก็ไม่ควรใช้สถานะของตนเอง เที่ยวชี้นิ้ว กล่าวหาคนอื่นแบบแสดงอำนาจบาดใหญ่ ผมอยากเตือนว่าการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่คนอื่น คือการทำผิดกฎหมาย “ นายคารม ย้ำ