นายกฯ มอบนโยบายแก้ยาเสพติด สั่งคุมเข้มชายแดน-ยึดทรัพย์-ให้โอกาสคนเสพเข้าบำบัด ขอทุกฝ่ายจับมือแก้ปัญหาสนองพระราชปณิธานแก้ไขปัญหายาเสพติด
จากนั้นเวลา 13.20 น. วันที่ 30 พ.ย.ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด โดยมีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ตัวแทนตำรวจภูภาค5 ฝ่ายปกครอง ป.ป.ส.ภาค5 ตัวแทนสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ )เข้าร่วมเป็นต้น โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวบรรยายสรุปการป้องกันยาเสพติดของภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่ ที่ดำเนินการตามนโยบายแก้ปัญหา ตามโมเดลนำร่องจังหวัดสีขาว ซึ่งมีแนวโน้มลดลง
นายกฯ กล่าวมอบนโยบาย ว่า วันนี้ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มารับฟังการทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีปัญหาติดขัดอย่างไร และส่วนกลางจะสนับสนุนอย่างไรต่อไปในอนาคต และขอชื่นชมทุกหน่วยงานในการประสานงานกันอย่างเข้มแข็ง เพราะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาอย่างยาวนานและเป็นปัญหาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงห่วงใยพี่น้องประชาชนในเรื่องนี้อย่างมากและทรงติดตามพวกเราที่ทำงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง และได้แก้ไขส่วนไหนไปแล้ว ส่วนที่ผวจ.เชียงใหม่ รายงานว่าสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะลดลง เพราะเพียง 1 เดือนสามารถจับกุมได้มาก ดังนั้นมาตรการต่อไปจะต้องทำให้เด็ดขาดและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นายกฯกล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง ป.ป.ส.จังหวัด พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผบ.ตร.ที่ลงพื้นที่จัดประชุมปรึกษาหารือเพื่อวางแนวทางการสกัดกั้นแนวเขตแดน ที่ยาเสพติดจะข้ามมา ต้องสกัดกั้นอย่างชัดเจนและที่ผ่านมาเห็นผลงานชัดเจน ทั้งนี้ต้องยอมรับยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากแพร่ระบาดมาก แต่ทุกหน่วยพยายามร่วมมือกันอย่างดี เพื่อให้ปัญหานี้ลดลงน้อยที่สุด แม้รัฐบาลจะมีนโยบายดีมากเพียงไหน แต่ประชาชนยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ก็ทำให้ไม่สามารถดึงศักยภาพประชาชนออกมาได้เต็มที่ และไม่มีความพร้อมในการที่จะพัฒนาไปพร้อมกับนโยบายของประเทศ จึงเป็นปัญหาแรกที่รัฐบาลต้องร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อแก้ไขให้เป็นรูปธรรมและเป็นระบบเร็วที่สุด ถือว่าประเทศมีเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้ยกระดับความเข้มข้นขึ้นและตั้งเป้าแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยตัดต้นตอการผลิต การจำหน่าย ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการที่ตนเดินทางไปหลายที่ พบกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศมีความห่วงใยเรื่องนี้และพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องอย่างแข็งขัน รวมถึงการสกัดกั้นควบคุมการลักลอบการนำเข้าตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ของผู้ค้าอย่างเด็ดขาด ไม่ให้กลับมาขายอีก ถ้าเรายึดทรัพย์แล้วไม่คุมเข้มปัญหานี้ก็ยังคงมีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และต้องค้นหาผู้เสพในชุมชน เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาตลอดจนบำบัดการรักษาผู้ติดยาเสพติดในรัฐบาลชุดนี้ เรามองเห็นว่าผู้ที่เสพยาคือผู้ป่วย ไม่ใช่เป็นคนร้ายหรืออะไร เราพร้อมที่จะให้โอกาสบำบัดและให้กลับเข้ามาทำงานให้กับสังคมประเทศชาติอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ และต้องมีการฝึกอาชีพ เพราะผู้เสพยาที่อายุยังน้อยทำให้ขาดโอกาสทั้งการศึกษา และการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับตัวเอง ฉะนั้นรัฐบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้คืนสู่สังคม คืนสู่ครอบครัวได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เราจะขยายความสำเร็จ จากท่าวังผาโมเดล จ.น่าน ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ขยายไปอีก 10 จังหวัดนำร่อง รวมถึงจ.เชียงใหม่ ที่เป็นจังหวัดใหญ่และเป็นจุดสำคัญ ถ้ายาเสพติดไม่มี จะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศชาติได้อย่างมาก จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากยาเสพติด ทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข สืบสานปณิธานภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
“เราทำเรื่องนี้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และขอให้น้อมนำความสำเร็จของโครงการหลวง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความทุ่มเทและเสียสละของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการพลิกฟื้นพื้นที่ปลูกพืชเสพติด ให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผักผลไม้เมืองหนาว สร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านโครงการหลวงดอยคำ โกลเด้นเพลส มาเป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างงานสร้างอาชีพและไม่กลับไปหายาเสพติดอีก ตรงนี้เป็นแนวทางที่เราทุกคนจะทำอย่างเต็มที่เต็มความสามารถแบบบูรณาการ“
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่มีข้อเสนอให้ข้าราชการเป็นตัวอย่างตรวจฉี่หาเสพสารเสพติด ไม่ได้เป็นการจับผิดข้าราชการ แต่หากทำแล้วจะ เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ พูดได้อย่างเต็มปาก และเป็นผู้นำที่จะไปตรวจประชาชนได้อีกมากมาย จะทำให้การประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน ดีขึ้น
ด้าน ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เราจะร่วมมือกันทำงานอย่างแข็งขัน และจะนำนโยบายที่ได้รับมอบไปขยายผลแก้ปัญหาและนำไปปฏิบัติร่วมกับตำรวจและป.ป.ส.และกับหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่
ขณะที่พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เสนอความเห็นว่า สถานการณ์ยาเสพติด โดยระบุว่าสาเหตุสำคัญในการแพร่ระบาดของยาเสพติด ยังพบอยู่ในชุมชน รวมถึงตามแนวชายแดน จึงเสนอว่าหากผวจ.แต่ละจุงหวัดทำงานสอดคล้องกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทำให้ประชาชนเขารู้สึกว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร่วมกันทั้งจังหวัด เชื่อว่จะสามารถแก้ปัญหาได้ เหมือนเป็นการเริ่มติดกระดุมให้ถูกตั้งแต่เม็ดแรก