นายกฯ วอนอย่าก่อม็อบ หวั่นกระทบท่องเที่ยว บอก “สนธิ” ยื่นหนังสือ ต้องเป็นตามกระบวนการ ยันเลิก MOU44 ฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องคุยกันก่อน ลั่นเกิดแผ่นดินไทย ไม่มีทางเห็นประเทศใดกว่า เผย เห็นพระบรมราชโองการประกาศเขตไหล่ทวีปแล้ว อะไรที่เป็นปัญหาจะไม่ชน ต้องค่อยๆ ร่วมกันแก้ไข
เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ เหมาะที่จะให้มีการชุมนุมหรือไม่ ว่า เราต้องรักษาความสงบในประเทศให้ได้มากที่สุด เพราะหากเราจะไปประเทศไหนแล้วมีม็อบเราอาจไม่อยากไป ซึ่งประเด็นนี้จะกระทบกับการท่องเที่ยวและประเทศอย่างแน่นอน แต่ว่าหากประชาชนมีข้อเรียกร้อง หรืออยากจะเสนอกับรัฐบาล เรามีกระบวนการรับฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว เช่นกันยื่นจดหมาย รัฐบาลเห็นว่าความคิดเห็นของประชาชนสำคัญเสมอ แต่การจะเกิดม็อบหรืออะไรเราพูดคุยกันได้ จึงยังไม่น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็น
เมื่อถามว่า การที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยื่นหนังสือคัดค้าน MOU44 จะไปรับด้วยตัวเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องให้เป็นไปตามกระบวนการที่มีอยู่ คงไม่มีพิเศษในกรณีไหน ไม่เช่นนั้น ก็จะมีเคสใหม่เรื่อยๆ เราอยากให้เป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่า เสียงคัดค้าน MOU44 ดังขึ้นเรื่อยๆ นายกฯ จะมีการทบทวนหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่เดินหน้าขณะนี้มีเรื่องเดียว คือ การตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) เพื่อเจรจาระหว่างสองประเทศ และประเด็น MOU44 เราจะให้ข้อมูลประชาชนเรื่อยๆ และการจะเดินต่อหรือไม่ ขอให้ผ่านคณะกรรมการที่มีการพูดคุยกันทั้งสองประเทศดีกว่า
เมื่อถามว่า MOU ประเทศไทยสามารถยกเลิกเพียงฝ่ายเดียวได้หรือไม่ เพราะเสียงที่คัดค้านบอกว่าสามารถยกเลิกฝ่ายเดียวได้ ถ้าประเทศไทยเสียเปรียบ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วสามารถยกเลิกได้ตามหลักของกฎหมาย แต่ถามว่า เราควรยกเลิกฝ่ายเดียวหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ดังนั้น คงต้องมีการคุยกันก่อนจะดีกว่า อย่างเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ตนได้คุยกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ก็ไม่มีประเทศไหนอยากขัดแย้งกัน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เพราะฉะนั้นเราพยายาม คือ หนึ่ง ไม่ให้คนในประเทศของเราเข้าใจผิดในเรื่องอะไรก็ตาม สอง การจะตกลงในเรื่องนี้ควรเป็นการคุยกันระหว่างสองประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยก
เมื่อถามว่า รัฐบาลชี้แจงในเรื่อง MOU44 แต่ยังคงมีคำถามเข้ามาเรื่อยๆ มองว่า มีอะไรนอกเหนือจากเรื่อง MOU44 ซ่อนอยู่ในนั้นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร นิ่งคิด ก่อนกล่าวว่า ก็อาจจะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือเปล่า ประเด็นทางการเมืองก็มีมากมายทุกวัน แต่เรื่องระหว่างประเทศเป็นเรื่องอ่อนไหว เพราะคำพูดของนายกฯ หรือของ รมว.ต่างประเทศ ได้สื่อสารออกไป ประเทศอื่นๆ จะรับข้อนั้นเลย เพราะฉะนั้นเราจึงพยายามสื่อสารด้วยความระมัดระวัง และเห็นอกเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่พื้นที่ที่เราคุยกันมายังคงเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ยังไม่มีการเคาะอะไรทั้งสิ้น ทั้งเราและกัมพูชายังไม่มีใครเสียผลประโยชน์อะไรในตอนนี้ เราต้องคุยกันก่อน
“แน่นอนว่า ดิฉันเองเป็นนายกฯ ของประเทศไทย ไม่มีทางเห็นประเทศใดสำคัญกว่าประเทศไทย ขอให้มั่นใจตรงนี้ไว้อย่างหนึ่งว่าดิฉันเกิดในแผ่นดินนี้ ไม่มีทางที่จะเห็นที่ไหนดีกว่าบ้านเรา ขอให้มั่นใจในจุดนี้ และเราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคุยด้วยเหตุผล ด้วยการตกลงระหว่างประเทศที่ดี” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเดินหน้าในเรื่องนี้และเกิดความไม่สงบภายในขึ้น นายกฯ จะเลือกดำเนินการอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราอย่าพึ่งไปมองตรงนั้นดีหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้ว MOU44 มีมานานแล้ว เรื่องความแตกแยกที่ทำให้คนเข้าใจผิด มันไม่ได้มี เราต้องฟังข้อมูลที่จริงให้ครบ อย่าเอาเรื่องของกระแสหรือความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศของเรามาทำให้เป็นประเด็นที่จะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ อันนั้นก็จะไม่ดีไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้คัดค้าน MOU44 มีการหยิบยกพระบรมราชโองการของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องของไหล่ทวีปขึ้นมา ประเด็นนี้จะอยู่ในการเจรจาด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในนั้นเราได้ดูเนื้อหานี้อย่างละเอียดแล้ว อะไรที่เป็นปัญหาเราไม่ชนกับปัญหาอย่างแน่นอน เราต้องค่อยๆ ร่วมกันแก้ไข