เมืองไทย 360 องศา
ชัดเจนมากขึ้นสำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้าของพรรคเพื่อไทย ว่าเขากำลังเร่งออกมานำทัพด้วยตัวเอง ก่อนถึงกำหนดศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง ส.ส.คราวหน้า
แน่นอนว่าหลังจากผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีจากพรรคเพื่อไทยเอาชนะการเลือกตั้งคู่แข่ง ทำให้พวกเขาเกิดแรงกระตุ้น เพื่อสร้าง “กระแส” ขับเคลื่อนให้แรงมากขึ้น เพื่อดึงความนิยมให้กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าผลจากการเลือกตั้งดังกล่าวในบางมุมอาจมองได้ว่า “ไม่คุ้มค่า” กับการที่ นายทักษิณ ต้องทุ่มทุนลงแรงไปมากมายขนาดนั้น แต่ผลที่ออกมาหากพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่ได้ “ชนะขาด” กันขนาดนั้น เพราะฝ่ายที่คะแนนก้าวกระโดดกลับเป็นพรรคประชาชน ที่คะแนนรวมเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งคราวที่แล้วที่พุ่งพรวดขึ้นมาเกือบเท่าตัว
อย่างไรก็ดี นาทีนี้สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร เขาได้ตัดสินใจเปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพิ่มอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ และมีการเปิดเผยกำหนดการเดินสายหาเสียงของ นายทักษิณ ออกมาคร่าวๆ แล้ว นั่นคือ การประกาศนำทัพด้วยตัวเอง แล้ว
มีรายงานความเคลื่อนไหว นายทักษิณ ภายหลังลงพื้นที่ไปช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 13-14 พ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเขา มีกำหนดการเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 11 ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันที่มีการเปิดรับสมัครผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 11-14 ธ.ค. และจะมีการเลือกตั้งวันที่ 22 ธ.ค. นี้ โดยพรรคเพื่อไทยส่ง นายกานต์ กัลป์ตินันท์ อดีตนายกฯอบจ.อุบลราชธานี ลงสมัครอีกสมัย
การเดินทางไป จ.อุบลฯ ของนายทักษิณครั้งนี้ ไม่ได้จัดรูปแบบให้มีการช่วยผู้สมัครนายกอบจ.อุบลฯ ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง และไม่มีการขึ้นเวทีปราศรัยเหมือนที่ จ.อุดรธานี แต่เขาจะเดินทางไปพบปะและเยี่ยมเยียนแกนนำเขตเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของ จ.อุบลฯ ที่บ้านพักของ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในเดือน ธ.ค.นี้ มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 23 ธ.ค. เพื่อช่วยผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยหาเสียง ซึ่ง จ.เชียงใหม่ ถือเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ และปิดท้ายช่วงปลายเดือน ธ.ค. มีกำหนดการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ. หาเสียงที่ จ.ศรีสะเกษ
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยหาเสียงในแต่ละจังหวัด จะมีนายทักษิณและแกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เท่านั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไม่ได้ร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาตามมา
ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ความคืบหน้าการส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) จังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม ภายหลังชนะการเลือกตั้งสนามอุดรธานี ว่า จากนี้พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครสนาม อบจ.ที่อุบลราชธานี ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ สำหรับสนาม อบจ.ที่เชียงใหม่ เราก็ส่งผู้สมัครเช่นกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่เก่าของพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ทราบว่านายทักษิณ ชินวัตร จะไปช่วยปราศรัยที่อุบลราชธานี และเชียงใหม่ด้วยหรือไม่
เมื่อถามถึง กรณีการเลือกตั้ง สส.ที่จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยแพ้ให้กับพรรคประชาชน มั่นใจหรือไม่ว่า สนามเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ จะชนะ นายประเสริฐ กล่าวว่า อย่างที่บอกเชียงใหม่เป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย เราเพียงแต่รักษาที่ตั้งเดิมของเราเอาไว้ ที่ผ่านมา อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ก็ทำอะไรหลายหลายอย่างมามาก โดยในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลก็จะไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย เชื่อว่าจะได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อถามว่า การชนะสนาม อบจ.อุดรธานี จะทำให้พรรคเพื่อไทย มีความมั่นใจ ในการส่งผู้สมัครสนาม อบจ.จังหวัดอื่นๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวยอมรับว่า การชนะที่อุดรธานี ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยม และประชาชนมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นในการส่งผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยแต่ละที่ พรรคก็มีความมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะ
“จากนี้ไป จะเป็นการเลือกตั้งใหญ่ในสนาม อบจ.แล้ว ซึ่งเป็นการเลือกตั้งตามรอบที่ นายก อบจ.ส่วนใหญ่สิ้นสุดตามวาระ 4 ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สำหรับพรรคเพื่อไทย ก็จะมีหลายสนามที่จะส่ง และเชื่อว่าจะเป็นการส่งมากที่สุดในการเลือกตั้ง อบจ. ของพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้ มีนายก อบจ.หลายแห่ง ที่ลาออก และบางแห่งมีเหตุต้องออก”
แน่นอนว่า เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย สะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับสนามเลือกตั้งท้องถิ่น อย่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพราะอีกด้านหนึ่งเหมือนกับการทดสอบความนิยมของพรรคสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ ส.ส.ที่จะมาถึงในปี 2570 อีกด้วย
อีกทั้งสนามเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ลักษณะการเลือกตั้งถือว่า มีความใกล้เคียงกับการเลือกตั้ง ส.ส.ในแต่ละจังหวัดมากที่สุด ทำให้เห็นว่าพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคใหญ่ ต่างให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งระดับนี้ มีการส่งตัวแทนพรรคลงสมัครลงแข่งขันแบบไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน และผลการเลือกตั้งที่ออกมายังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความนิยมของแต่ละพรรคในอนาคตอีกด้วย
เมื่อวกมาที่ นายทักษิณ ชินวัตร จะเห็นได้ชัดเจนว่า นาทีนี้เขาเริ่มแสดงบทบาทเป็น “ผู้นำทัพ” ของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว เป็นการประกาศสู้ศึกเลือกตั้งต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งหน้าแล้ว การเดินสายหาเสียงตั้งแต่เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และการ “จัดแถว” หัวคะแนนที่เคยกระจัดกระจายให้กลับมารวมตัวกันใหม่ ระดมสรรพกำลังเพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ ที่ถือว่ามีเดิมพันสูง และอาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขาแล้วก็ได้ เนื่องจากทุกอย่างเริ่มร่วงโรยแล้ว
ดังนั้น หากบอกว่า “ตีเหล็กย่อมตีตอนร้อน” กรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเอาชนะที่สนามเลือกตั้ง อบจ.อุดรธานีแล้ว มันก็เหมือนกับการเริ่มสร้างกระแส สร้างกำลังใจให้กับพลพรรค และยังเป็นการปลุกกระแสความนิยมให้กลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าคราวนี้ต้องจัดเต็ม เนื่องจากเดิมพันครั้งสุดท้าย เพื่อส่งต่อให้กับทายาทสายตรงอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวให้ลากยาวในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ยาวนานที่สุด ส่วนจะเป็นไปได้ตามคาดหวังหรือไม่ อีกไม่นานก็คงเห็นแนวโน้มกันแล้ว !!