"ภูมิธรรม" ปัดสั่งทหารเรือปรับพื้นที่ฝึกใกล้เกาะกูด ลาดตระเวนแท่นขุดเจาะ ยัน เป็นไปตามแผนวงรอบการฝึก ขออย่าเชื่อข่าวปล่อย ชี้ เป็นเรื่องอ่อนไหว แนะอย่ายุยงให้เกิดความขัดแย้ง เตือน "สนธิ" อย่าทำผิดกฎหมายหากลงถนน
วันนี้ (27พ.ย.) เมื่อเวลา 12.41 น. ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ออกมาตั้งคำถามถึงตนว่าสั่งให้กองทัพเรือเปลี่ยนการฝึกมาใกล้กับที่เกาะกูด จ.ตราด หรือไม่ว่า ตนได้รับรายงานในเรื่องนี้ว่าได้มีการไปฝึกซ้อม ซึ่งความจริงแล้วเป็นการฝึกซ้อมเล็ก ๆ ไม่ได้เป็นการฝึกซ้อมใหญ่แต่อย่างใด และเป็นการฝึกซ้อมตามวงรอบ การที่นายสนธิ ออกมาพูดเกินไปว่า ตนนั้นไปสั่งการให้ย้ายถึงที่การฝึก ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร และสามารถสอบถามผู้บัญชาการทหารเรือได้ เพราะกองทัพเรือดำเนินการไปตามกระบวนการ ซึ่งการฝึกไม่ได้เจาะจงอยู่ในเฉพาะพื้นที่ใด แต่มีการเลื่อนพื้นที่ไปทางใต้บ้าง และเป็นไปตามแผนงานประจำปีของแต่ละเหล่าทัพ
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตนนั้นเป็นคนสั่งการนั้น ขอถามย้อนนายสนธิว่า ไปเอาข้อมูลมาจากไหน เพราะไม่มีการกล่าวแบบนี้และ จากการได้พบกับพล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ รอง ผบ.ทร. เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 2567) ทางผบ.ทรก็ยืนยันว่าไม่ได้พูดตามที่นายสนธิออกมากล่าวอ้างจะกลายเป็นว่าผมไปสั่งได้อย่างไร ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือก็ยืนยันว่า รับผิดชอบเองได้และไม่ต้องให้ใครมาสั่งในเรื่องแบบนี้
เมื่อถามว่าในส่วนที่มีการเปลี่ยนจากการฝึกไปลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมันอ่าวไทยแทนนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า กองทัพเรือได้ทำตามแผนอยู่แล้ว และเป็นไปตามวงรอบการฝึกไม่สามารถ บิดเบือนได้ ซึ่งการลาดตระเวนก็มีหลายสาเหตุ อาจจะเป็นการดูพื้นที่บ้างหรือลาดตระเวนตามชายฝั่ง และแผนที่ที่กองทัพเรือวางไว้ ดังนั้นอย่าไปพูดเรื่องนี้จนกลายเป็นประเด็นอีกเนื่องจาก การดำเนินการ เกี่ยวกับเรื่องเกาะกูดเป็นเรื่องอ่อนไหวและอาจมีผลเสียหายต่อประเทศ เหมือนการไปยุยง ให้เกิดการต่อสู้กัน หรือใช้ความรุนแรงต่อกัน จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร ทั้งนี้ขอให้ฟังตามข้อเท็จจริง และขออย่าใส่ใจกับข่าวลือ-ข่าวปล่อยมากนัก
เมื่อถามอีกว่าการเปลี่ยนพื้นที่การฝึก เพื่อหลีกเลี่ยง การเข้าใจผิดระหว่าง 2 ประเทศใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะป้องกัน เพราะกองทัพเรือดำเนินการตามปกติ มีแต่ภายในประเทศมีแต่ภายในประเทศเราเท่านั้น ที่มากระตุ้นกันเอง
เมื่อถามว่ากรณีที่เมื่อวานนี้ได้เชิญ ผบ.ทร. เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อมีเรื่องสำคัญอะอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้มีการหารือเรื่องใดเป็นพิเศษ ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือได้เข้ามารายงานตามวงรอบ และที่ผ่านมาก็คุยกับทุกเหล่าทัพ เพราะอยากจะทราบปัญหาในการทำงาน เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เพราะถือว่าทุกเหล่าทัพมีความสำคัญ และมีความสัมพันธ์เป็นพี่เป็นน้อง และเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มากกว่าจะคิดว่าเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
“ส่วนตัวคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีนั้น จะช่วยแก้ปัญหา ในหลายเรื่องได้ เพราะวันนี้มาถึงจุด ที่ทุกคนต้องร่วมกันสร้าง และสร้างกองทัพให้เป็นกองทัพยุคใหม่ เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงและมีความท้าทายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมมากขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าวว่า
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ดังนั้นสิ่งที่เราพูดคุยกัน หรือประชุมร่วมกัน ก็เพิ่อหาแนวทางในการปรับตัวกองทัพรับความท้าทายใหม่ ๆ และภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น และนำมาแก้ไขจุดอ่อนเพราะอยากเห็นการแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ต้นเพื่อจะได้หางบประมาณ มาดำเนินการ เช่นการขุดลอกคูคลอง การสร้างกำแพงน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ท่วมซ้ำซาก เพราะโดยส่วนตัวมองว่าต้องทำมากกว่าการดูแลเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง
เมื่อถามอีกว่านายสนธิประกาศลงถนนมีความเห็นอย่างไร ในฐานะดูแลด้านความมั่นคง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย อย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน