ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “จ๊อบ สามารถ” ทิ้งปริศนา อยากพูดแต่พูดไม่ได้ “ลุงป้อม” ปิดวาจา สยบเรื่องร้อน
เป็นตำบลกระสุนตกอีกแล้ว “ลุงป้อม” ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อ “จ๊อบ - สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ถูกจับพร้อมๆกับ “วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์” ผู้เป็นแม่ ในข้อหาฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ที่ได้มาจาก “บอสดิไอคอน” เมื่อวันก่อน
แม้ “จ๊อบ สามารถ” จะพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว แต่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็น “เด็กลุง” ที่เคยได้รับการปูนบำเหน็จเป็นถึง รองโฆษกพรรค
ข้อมูลจากดีเอสไอ ก็บอกชัดเจนว่า “จ๊อบ” ใช้ “บัญชีแม่” เป็น “บัญชีม้า” ผ่านเงินเข้าออกกว่า 100 ล้านบาท ช่วงปี 2564-2566 ที่ “จ๊อบ สามารถ” ยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร. อยู่
งานนี้ “ลุงป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรค จะเคลียร์ตัวเองยังไง?!
ยิ่งเมื่อ “สิระ เจนจาคะ” อดีตลูกพรรคพปชร. ออกมาปูดว่า เมื่อคืนก่อน ขณะนั่งกินข้าวกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ มีสายโทรศัพท์เข้าจาก “คนในป่า” สั่งการให้หาวิธีอย่างไรก็ได้ เพื่อช่วยเหลือ “จ๊อบ-สามารถ” ในเรื่องคดี เพราะถ้าไม่ช่วย ลุงจะโดนแฉ อะไรทำนองนั้น
“ลุงป้อม” ยิ่งควรต้องรีบคลายข้อสงสัยของสังคมให้กระจ่างโดยเร็ว!!
แต่ปรากฏว่า เมื่อวาน (26 พ.ย.) หลังเสร็จจากประชุมกรรมการบริหารพรรค พปชร. และกำลังเดินไปขึ้นรถ นักข่าวรุมถามถึงประเด็นที่ “สิระ” เอามาปูด
“ลุงป้อม” ตีสีหน้าเรียบเฉย ไม่หือไม่อือต่อคำถามของนักข่าว แถมอมยิ้มเล็กน้อย ไม่เคร่งเครียดเหมือนครั้งก่อนๆ ที่มักออกอาการฉุนเฉียวตอนโดนนักข่าวถามคำถามที่กวนใจ ถึงขั้นเคยลงไม้ลงมือกับนักข่าวมาแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเป็นกลยุทธ์ “สงบสยบความเคลื่อนไหว” หรือถือคติ “นิ่งเสียตำลึงทอง” ลุงเลยขอไม่พูดอะไรดีกว่า
แต่อีกด้านหนึ่ง อาจเป็นเพราะว่า มีลูกน้องหรือคนใกล้ชิด ช่วยชี้แจงตอบโต้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่าง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพปชร. ที่ออกมาสวนกลับ “สิระ” ว่า ไม่ได้อยู่ในพรรคแล้ว ทำไมถึงรู้เรื่องอะไรมากมายดีนักหนา ขออนุญาตให้ช่วยรักษามารยาทด้วย ถ้าไม่ได้อยู่ในพรรค ก็อย่ามาพูดเรื่องในพรรค
พร้อมย้ำว่า เรื่องของ “สามารถ” จบไปแล้ว พรรคมีระบบป้องกันตัวเองอยู่แล้ว ทุกอย่างที่ออกข่าวไป มาจากคนที่ไม่ได้อยู่ในพรรค
รวมถึง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ ในฐานะรุ่นน้องคนใกล้ชิด ก็ออกมาการันตี อีกเสียงว่า เป็นไปไม่ได้ที่ “ลุงป้อม” จะโทร.ไปสั่งให้หาทางช่วย เพราะ “จ๊อบ สามารถ” ไม่ได้สนิทกับคนในมูลนิธิป่ารอยต่อเท่าไหร่ และตัวลุงเอง ก็มีอะไรให้แฉ ถ้าไม่ช่วย
“บิ๊กน้อย” ยังด่ากลับว่า คนพวกนี้จะวิ่งเข้าหาคนที่มีอำนาจ เข้ามาหาแสงกับ “พี่ป้อม” เท่านั้นเอง “พี่ป้อม” ก็ไม่ทราบ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ก็ให้ความเมตตาเพราะพี่ป้อมเป็นคนจิตใจดี
แถมบอกอีกว่า เคยได้ยิน “พี่ป้อม” พูดถึง “จ๊อบ สามารถ” ว่า “ไอ้ห่า มันทำอะไรแบบนี้” เพราะฉะนั้น เรื่องที่ว่าโทรไปสั่งการให้หาทางช่วย ไม่มีแน่นอน
คำพูดของทั้ง “ไพบูลย์” และ “บิ๊กน้อย” ที่ออกมาปกป้องลุง จะจริงหรือไม่จริง วิญญูชนพึงพิจารณา
แต่อีกด้านหนึ่ง ที่กรมสอบสวนดคีพิเศษเมื่อวาน ระหว่างที่ “จ๊อบ สามารถ” ถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ก็ได้บอกกับนักข่าวสั้นๆ ว่า "อยากพูดแต่พูดไม่ได้" ก่อนถูกควบคุมตัวขึ้นรถไป
เหมือนกับทิ้งปริศนาให้คนสงสัย ว่า “จ็อบ สามารถ” อยากจะพูดอะไร
หรือว่า จะเกี่ยวกับเงิน 100 ล้าน ที่ผ่านเข้าบัญชีแม่ ซึ่งกลายเป็น บัญชีม้า ซึ่งดีเอสไอกำลังเร่งตรวจสอบว่า ถูกโอนต่อไปให้ใคร ที่ไหน อย่างไร
งานนี้คงต้องติดตาม อย่ากระพริบตา.
++ จับตา 11 ผู้สมัครตุลาการศาล รธน. ใครจะได้รับไฟเขียวจาก “สว.สีน้ำเงิน”
ในบรรดาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน มี 2 คน ที่จะหมดวาระ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ คือ “นครินทร์ เมฆไตรรัตน์” และ “ปัญญา อุดชาชน”
อีก 7 คนที่เหลือ จะหมดวาระในปี 2570 จำนวน 5 คน และ อีก 2 คนที่เหลือ จะหมดวาระในปี 2573-2574
ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จึงได้ทำการเปิดรับสมัครบุคคล เพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 2 คน ระหว่างวันที่ 11-25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
สรุปผลการรับสมัคร มีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาในครั้งนี้ 11 คน ได้แก่
1. ศ.ธงพล พรหมสาขา ณ สกลนคร อายุ 47 ปี ศาสตราจารย์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร สมัครคุณสมบัติ ตาม มาตรา 8 (4)
2. ศ.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อายุ 57 ปี ศาสตราจารย์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัครคุณสมบัติตาม มาตรา 8 (4)
3. ร.ต.ท.อุทัย อาทิเวช อายุ 67 ปี อดีตรองอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด สมัครคุณสมบัติตามมาตรา 8 (5)
4. นายธัญญา เนติธรรมกุล อายุ 62 ปี อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สมัครคุณสมบัติตาม มาตรา 8 (5)
5. นายชาตรี อรรจนานันท์ อายุ 62 ปี อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก สมัครคุณสมบัติตาม มาตรา 8 (5)
6. นายสราวุธ ทรงศิวิไล อายุ 60 ปี อดีตอธิบดีกรมทางหลวง สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
7. นายสุรชัย ขันอาสา อายุ 67 ปี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
8. นายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ อายุ 65 ปี อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง และผู้พิพากษาศาลฎีกา สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
9. นายประยูร อินสกุล อายุ 59 ปี ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
10. นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อายุ 65 ปี อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
11.นายเชาวนะ ไตรมาศ อายุ 62 ปี อดีต เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สมัครเข้ารับการสรรหา ตามมาตรา 8 (5)
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะดำเนินการส่งรายชื่อผู้สมัครไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม จากนั้นจะเชิญผู้สมัครเข้ารับการสรรหาที่มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้าม มาแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือ สัมภาษณ์ผู้สมัคร ต่อไป
ที่สำคัญ ผู้ที่จะได้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในยุคที่ “สว.สีน้ำเงิน” คุมสภาสูง ใครจะได้รับไฟเขียว ให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในรอบนี้ และยังมีรอบหน้าในปี 2570 อีก 5 คน ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก สว.ชุดนี้