“ไพบูลย์” แนะ รัฐบาลควรทำตามนโยบาย พปชร. ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 ไม่เกิน 20 ไร่ตามเดิม พร้อมเสนอนโยบาย“แลนด์บริดจ์”เชื่อมท่าเรือสู่ภาคอีสาน
วันนี้ (26พ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นายภัทรธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรค และ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 รองเลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาถึงเรื่องโครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร และภาคเกษตร(ชาวนา) ของรัฐบาลที่มีการเสนอว่า จะช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกินคนละ 10 ไร่นั้น ไม่เพียงพอ จากประสบการณ์ของพรรคพลังประชารัฐเห็นว่า รัฐบาลควรที่จะช่วยเหลือชาวนาตามกฎเกณฑ์เดิมที่เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ และได้ดำเนินการมาต่อเนื่องในรัฐบาลชุดที่แล้วก็คือ ช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกินคนละ 20 ไร่ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับชาวนาอย่างแท้จริง
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อนำเสนอเป็นนโยบาย ตามที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสนอในที่ประชุม โดยโครงการแลนด์บริดจ์ดังกล่าวจะเชื่อมระหว่างท่าเรือตะวันออกกับภาคอีสาน หรือเรียกว่าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคอีสาน โดยตั้งเป้าหมายที่จะเชื่อมทะเลไปยังภาคอีสาน ทำให้ภาคอีสานทั้งภาคติดทะเล เช่น การเชื่อมกันระหว่างจังหวัดบึงกาฬกับท่าเรืออู่ตะเภา โดยใช้รถไฟรางคู่จากท่าเรืออู่ตะเภาไปยังจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งจะทำให้เส้นทางนี้ผ่านภาคอีสานทั้งภาค รวมไปถึงจะต้องมีทางหลวงพิเศษให้เป็น 8 ช่องเลนจราจร จะทำให้เกิดนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง วิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่ง และท่าเรือบก 3 แห่ง ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในเรื่องนี้และมอบให้ศูนย์นโยบายและวิชาการไปศึกษาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีการหารือในเรื่องนโยบายปฎิรูประบบสถาบันการเงินเพื่อประชาชน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเห็นว่า จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ รับผิดชอบศึกษาในนโยบายดังกล่าวและนำมาเสนอในที่ประชุมในคราวต่อไป
ด้านนายภัทรธรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าของศูนย์ประสานงานข้อมูลเขตจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด มีการกำหนดเป็นกลุ่มจังหวัดทั้งหมด 19 กลุ่ม โดยในส่วนของศูนย์วิชาการก็จะมีการประเมินว่า ในแต่ละกลุ่มมีศักยภาพอย่างไรบ้าง และมอบหมายให้ สส.ในพื้นที่ ได้ลงไปสำรวจปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชน และทางพรรคพลังประชารัฐจะช่วยเหลือและสนับสนุนได้อย่างไรบ้าง โดยในช่วงเดือน ม.ค.68 พรรคจะมีการลงพื้นที่จริง เพื่อทำให้เกิดรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ด้าน น.ส.กาญจนา กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน โดยได้เน้นย้ำให้ สส.แต่ละพื้นที่ ลงไปดูแลประชาชนในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ เพื่อรับทราบและนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาแก้ไขต่อไป