เวที “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เพื่อชาติ” มวลชนยังเหนียวแน่น 'ปานเทพ' รับเป็นการอุ่นเครื่อง ยังไม่ถึงเวลาเคลื่อนไหวมวลชน เผยปีหน้าเตรียมยื่นหนังสือจากสนธิ ถึงนายกฯ ส่วนจะมีประชาชนไปร่วมยื่นด้วยหรือไม่นั้น ขอให้ติดตาม แย้มรอฟังเซอร์ไพรส์จาก'สนธิ'
วันนี้(24 พ.ย.67) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวก่อนขึ้นเวที “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เพื่อชาติ” ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวมวลชน ว่า เวทีในวันนี้เป็นเวทีทดสอบกำลังและอุ่นเครื่องมวลชนที่เคยอยู่กับนายสนธิมาก่อน โดยยังไม่มีการเคลื่อนไหวมวลชน เพราะยังอยู่ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อปราศรัย และให้ความรู้ประชาชน ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ, MOU44, เรื่องทางการแพทย์ อาชญากรรม รวมถึงประเด็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเรื่องการเมือง วันนี้จึงเป็นการแบ่งปันความรู้ และแชร์ประสบการณ์ เพื่อให้ประชาชนที่ยังเข้มแข็ง ซื้อบัตรมาเข้าฟังอย่างเต็มหอประชุม จึงสะท้อนว่ามวลชนยังเหนียวแน่น จึงต้องทำหน้าที่ในการสื่อสารความรู้ความเข้าใจให้ตรงกัน พร้อมยังระบุว่าการปราศรัยในช่วงเย็นวันนี้ นายสนธิจะประกาศถึงจุดยืน และการเคลื่อนไหวในลำดับถัดไป
ส่วนประเด็นปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม และประเด็นทางการเมือง ทั้ง MOU44, เขากระโดง และประเด็นนายทักษิณ จะเป็นเหตุให้มีการประกาศจุดยืน นัดรวมพลมวลชนหรือไม่นั้น นายปานเทพ เห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว และไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริงในการรักษาตัว และกรณีเขากระโดง ก็มีคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว แต่ที่ดินยังไม่กลับคืนสู่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือกรณี MOU 44 ที่การจะไปเจรจาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนประเทศไทยก่อนปี 2544 ไม่เคยยอมรับเส้นอ้างสิทธิของกัมพูชา ซึ่งอันตรายมาก เพราะลักษณะการขีดเส้นจะไปซ้ำรอยกับประสาทเขาพระวิหาร ที่แม้ประเทศไทยไม่ได้ปฏิเสธก็เสียประสาทเขาพระวิหารแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการเดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์หรือไม่ และมั่นใจว่า MOU 44 ไม่ใช่ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ แต่เป็นการอ้างสิทธิเกินจริงคร่อมเกาะกูด จึงไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิที่ถูกต้องในการเจรจา ยกเว้นว่านายทักษิณจะมีผลประโยชน์ฝ่ายกัมพูชา เพราะย้อนไปในปี 2551 มีข่าวจากกัมพูชาว่านายทักษิณมีการลงทุนในเกาะกง
นายปานเทพ ยังระบุว่า ปัจจุบัน MOU44 ที่ลงนามระหว่างอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ยังมีอีกฉบับหนึ่งซึ่งลงนามในวันเดียวกัน เอกสารดังกล่าวกลับหายไปจากสารระบบ ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมที่ลงนามระหว่างนายทักษิณ และสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จึงเท่ากับเป็นการใช้ผู้นำอำนาจฝ่ายบริหารไปตกลงกัน โดยไม่มีพระบรมราชโอการ แตกต่างจากพระบรมราชโองการ 2516 ที่ได้ขีดเส้นไหล่ทวีปเพียงเส้นเดียว และพระบรมราชโองการได้กำหนดให้ใช้กฎหมายทะเลสากลในการเจรจาเท่านั้น ไม่สามารถขีดเส้นตามอำเภอใจได้ พร้อมเรียกร้องให้นายทักษิณพิสูจน์ตัวเองด้วย รวมถึงกรณีที่นายสนธิจะไปทวงถามคดีการลอบยิงตนเองจากนายทักษิณ ที่ยังไม่คืบหน้าด้วย
ส่วนประเมินหากมีการปลุกม็อบในครั้งนี้จะจุดติดหรือไม่นั้น นายปานเทพ ย้ำว่ายังไม่มีการคิดในเรื่องนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา เป็นเพียงมาประชุมกันในหอประชุมเท่านั้น และยังย้ำว่ายังไม่ถึงจุดที่จะมีการประเมินว่าสถานการณ์สุกงอมแล้วหรือไม่ เพราะเป็นเพียงการให้ความรู้ประชาชนในฐานะสื่อมวลชนเท่านั้น และมั่นใจว่า ประชาชนมีความตื่นตัว เพราะมีประชาชนมาร่วมกิจกรรมมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่ปีหน้ายืนยันได้ว่าจะมีการยื่นหนังสือจากนายสนธิ ถึงนายกรัฐมนตรีแน่นอน ส่วนจะมีประชาชนไปร่วมยื่นด้วยหรือไม่นั้น ขอให้ติดตาม
สำหรับการเคลื่อนไหวมวลชนในลักษณะนี้จะเป็นการนำกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายหรือไม่นั้น นายปานเทพ ปฏิเสธพร้อมยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีใครนำกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายได้ และอยู่ที่ว่า ประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
นายปานเทพ ยังย้ำอีกว่า การประชุมกันในวันนี้ (24 พ.ย.) เป็นการทดสอบมวลชนของนายสนธิ และขอให้รอติดตามเซอร์ไพรส์จากนายสนธิด้วย