xs
xsm
sm
md
lg

“นิกร” ชี้ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ไม่น่าใช่ กม.การเงิน ลดเหลือ 10 วันไม่ได้ หวั่นช้าเป็นปี จับตา กมธ.ถก 4 ธ.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แกนนำ ชทพ. ชี้ ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ไม่น่าใช่ กม.การเงิน ลดจาก 180 เหลือ 10 วัน ไม่ได้ ยอมรับ กังวลล่าช้าไปเป็นปี จับตา 4 ธ.ค. กมธ. ถก ก่อนชงรายงานให้ สส.- สว.


วันนี้ (24 พ.ย.) นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณา (ร่าง) รายงานของคณะกรรมาธิการร่วมกันฯ และคาดว่า จะเสนอรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ในวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 โดยเพื่อให้สามารถบรรจุระเบียบวาระการประชุมของแต่ละสภาเมื่อเปิดสมัยประชุม โดยคาดว่า วุฒิสภาจะพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการร่วมกันฯ ในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม ส่วนสภาผู้แทนราษฎร คาดว่า จะพิจารณาในวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 ซึ่งในทางการเมือง ตนเชื่อว่า รายงานจะได้รับความเห็นชอบจากฝั่งวุฒิสภาอย่างแน่นอน เพราะเป็นหลักการสองชั้นตามร่างที่วุฒิสภาได้แก้ไขไว้เดิม แต่ตนก็เชื่ออีกว่า ในชั้นการพิจารณาของฝั่งสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ให้ความเห็นชอบด้วยอย่างแน่นอน เพราะจะถูกยับยั้งไว้ก่อน 180 วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 137 เพื่อที่จากนั้นสภาผู้แทนจะได้ยกร่างฉบับของตนขึ้นพิจารณาใหม่แล้ว ยืนยันเพื่อให้ถือว่าได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วโดยไม่ต้องอาศัยวุฒิสภาแต่อย่างใด จากนั้นก็นำไปดำเนินการ มาตรา 81 เพื่อประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

นายนิกร กล่าวว่า ตามที่ได้มีความคิดเห็นที่จะนำเสนอให้ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน เพื่อลดเวลาการยับยั้งไว้จาก 180 วัน ให้เหลือเพียงแค่ 10 วันนั้น ตนเห็นว่า ถ้าทำได้จริงก็จะเป็นเรื่องดี เพราะขณะนี้จากสภาพบังคับของกฎหมายประชามติตามที่เป็นอยู่จะทำให้การทำประชามติ เพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ครั้งแรกมิได้ล่าช้าไปเพียง 180 วันเท่านั้น หากแต่จะต้องรวมเอาเวลาของขั้นตอนอื่นๆ ตามกฎหมายอื่นด้วย แล้วจะทำให้เวลาต้องยืดไปอีกมากเป็นปี โดยประมาณว่า จะสามารถทำประชามติครั้งแรกได้ช่วงเดือนมกราคม 2569 ทีเดียว “ไม่สามารถจะลดเวลาโดยอาศัยช่องทางว่าเป็นกฏหมายเกี่ยวกับการเงินได้ ถ้าฝืนกระทำไปก็อาจสุ่มเสียงถูกร้องว่าออกกฏหมายโดยมิชอบได้ โดยให้เหตุผลว่า จนถึงขณะนี้เป็นกรณีเป็นที่เด็ดขาดแล้วว่าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ไม่ใช่ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินตามที่สภาผู้แทนราษฎรแจ้งไปยังวุฒิสภา ตามมาตรา 136 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎรจะหยิบยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ. ....ที่ต้องยับยั้ง ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่ไม่เกี่ยวด้วยการเงินขึ้นพิจารณาใหม่ เมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันที่สภาใดสภาหนึ่งไม่เห็นชอบ กรณีจึงล่วงพ้นช่วงเวลาในการสงสัยว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือไม่นั้นไปแล้ว ที่ประชุมร่วมกันของประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะ จึงไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยอีก หากมีการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลถึงกระบวนการตรากฎหมายที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้” นายนิกร กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น