เมืองไทย 360 องศา
ข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตรับจำนำข้าว และกำลังหลบหนีคดีในต่างประเทศ จะกลับประเทศไทยในช่วงสงกรานต์ปีหน้า ก็เรียกความสนใจและจับตามองอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอ ได้เคยประกาศที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อหลายก่อน ว่าจะกลับมาในช่วงดังกล่าว
เว็บไซต์สำนักข่าว Nikkei Asia เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน โดยมีการแสดงความเห็นในหลายประเด็น ทั้งสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกและผลกระทบจากการกลับสู่อำนาจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาของไทย และประเด็นที่เกี่ยวกับคนในครอบครัว ทั้งกรณีความเป็นผู้นำของ แพทองธาร ชินวัตร ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกรณีของน้องสาวหรืออดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยังอยู่ระหว่างลี้ภัย ซึ่งเขาเผยว่าอาจจะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า
อย่างไรก็ดีทั้งคนในรัฐบาล ทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคนต่างก็สงวนท่าทีไม่ยอมแสดงความเห็นอะไรออกมา โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่าหากจะกลับมาต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ว่า น.สยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยช่วงสงกรานต์ปีหน้า มีการประสานมาหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ไม่มี ขณะที่นายกฯ ก็ไม่ได้ปรารภถึงเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)ฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับประเทศไทย ว่า เรียนตามตรงว่าไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร เป็นกระบวนการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะท่านคงไม่มาระบุ บอกเราหรือบอกใคร แต่รับรู้ รับทราบ ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น ไม่รู้รายละเอียดเลย พูดไปก็เป็นการเดามากกว่า เลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ถามว่า แนวโน้มที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเสร็จก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับมาหรือไม่ อย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้เมื่อไหร่ จริงๆ เปิดสมัยประชุมมา กฎหมายนี้ก็อยู่ในวาระที่จะถึง แต่ความเห็นของตนคิดว่ากฎหมายเหล่านี้คงไม่ได้เสร็จง่ายๆ เท่าที่เห็นและเท่าที่ศึกษาก็เถียงกันมากมายก่ายกอง กว่าจะลงเอยอย่างนู้นอย่างนี้ กฎหมายเหล่านี้คงไม่เสร็จง่ายๆ ฉะนั้น ตอบไม่ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะก่อนหรือหลัง ที่สำคัญ ตนไม่ทราบรายละเอียดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับมาอย่างไร เพราะไม่ได้คุยอะไรกัน พูดกับสื่อตรงไปตรงมาว่าไม่รู้จริงๆ
เมื่อถามว่า เมื่อกลับมา ต้องกลับมารับโทษตามปกติหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ก็นี่ไง ท้ายสุดก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะกระบวนการก็มีอยู่ว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งเราไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร จะกลับอย่างไร”
แน่นอนว่า เมื่อมีประเด็นแบบนี้ และคนที่ออกมาย้ำอีกครั้งเป็น นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า น่าจะ “กลับมาแน่” เพราะการพูดแบบนี้ก็ย่อม “มีความมั่นใจ” อย่างแน่นอน
อย่างที่รับรู้กันดีว่า นายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยแล้วใช้แง่มุมทางกฎหมาย และ “อิทธิพล” ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นทำให้เขาไม่ต้องติดคุกในคดีทุจริตแม้แต่วันเดียว แม้ว่าหลายคนมองเห็นตรงกันว่า นี่คือการท้าทายและทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างย่อยยับ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้
จนมาถึงวันนี้ เขายังมีอิทธิพลอย่างสูงทั้งในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในรัฐบาลที่สามารถชี้นำได้ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีที่เป็น “ลูกสาว” และชี้นำด้านการสั่งการและบริหารด้านนโยบายหลักๆแทบทุกอย่าง แบบเบ็ดเสร็จ
แม้ว่าอีกมุมหนึ่งก็มีการมองว่าพฤติกรรมของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมาได้ “สร้างเงื่อนไข” และสะสมความไม่พอใจจากสังคม และฝ่ายตรงข้ามดั้งเดิม และฝ่ายตรงข้ามยุคใหม่มากขึ้นก็ตาม และเท่าที่สังเกตถือว่ายังไม่ได้ “สุกงอม” พอ จนทำให้เขา ยังสามารถเคลื่อนไหวและ ท้าทายได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดีหากพิจารณากันตามความเป็นจริง กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศไทยจริงก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่คาดว่าสร้างความตึงเครียดได้พอสมควร จนอาจถึงขั้นก่อวิกฤติขึ้นมาได้อีกครั้งเหมือนกัน เพราะในมุมของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องมองออกว่า การเข้ามาของเธอย่อมต้องเทคนิกทางกฎหมาย จนถึงขั้น “ไม่ต้องรับโทษ” หรือติดคุก ตามรอยพี่ชายคือ นายทักษิณ นั่นแหละ
ขณะเดียวกันหากการใช้วิธีตามรอย นายทักษิณ อีกครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน เพราะกรณีของ นายทักษิณ ที่ผ่านมาถือว่าได้ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในเรื่องการย่ำยีกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงเสียงตำหนิในเรื่องการไม่เคารพพระบรมราชโองการก็มี ทำให้กลายเป็น “พวกอภิสิทธิ์ชน” ทำตัวเหนือทุกอย่าง
หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเดินซ้ำรอยแบบนั้น เชื่อว่าจะกลายเป็นการสะสมความไม่พอใจเพิ่มขึ้นมาอีก และคราวนี้กระแสสังคมได้เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปแล้ว จากเดิมที่ความนิยมสูงสุดอยู่ที่ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย แต่เวลานี้หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสนับสนุนในทางการเมืองลดลงอย่างเห็นได้ชัด และยังมี “ฝ่ายตรงข้ามใหม่”อย่างพรรคประชาชนเกิดขึ้นมา แม้ว่าอาจมองว่ายังไม่ถึงขั้นเปิดศึกกันแบบจริงจัง แต่ถึงอย่างไรหากยังไม่เคลื่อนไหวอย่างจริงจังมันก็ความเสี่ยงที่จะถูกสังคมลงโทษเช่นเดียวกัน
ขณะที่อีกด้านหนึ่งหากมองในมุมของ ฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ย่อมต้อง “เร่งมือ” ให้เร็วขึ้นมาอีก เพราะเหมือนกับว่าเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้ไม่เต็มร้อย แม้ว่าดูภายนอกเขายังกุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จก็ตาม แต่สิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางได้อีกต่อไป เห็นได้จากผลการเลือกตั้ง มวลชนที่เคยสนับสนุนก็ไม่เหมือนเดิม จนล่าสุดยังต้องออกโรงเอง แม้กระทั่งต้องถ่อสังขารขึ้นเวทีหาเสียงเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเท่านั้น
ดังนั้นหากมองในมุมนี้ การ “เร่ง” ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทย โดยเฉพาะหากพยายามใช้เทคนิกทางกฎหมาย หรือกลับมาแบบไม่ยอมติดคุกซ้ำรอยเดิม มันก็เสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติขึ้นมาอีกรอบ กระแสต่อต้านอาจลุกลามขยายวง เนื่องจากความอดทนของอีกฝ่ายเกินระดับที่ยอมรับได้ แต่ในฝ่ายของ นายทักษิณ ก็สามารถเข้าใจได้ ต้อง “เสี่ยง” เพราะยิ่งทอดเวลานานไปมันจะยิ่งลำบากอีกหลายเท่า !!