แกนนำ ชทพ. ปลง สว.ไม่ยอมถอย แม้เสนอทางสายกลาง “เสียงข้างมากชั้นครึ่ง” หวั่น 2 สภาหักกันลากยาวจน ส.ส.ร.เป็นหมัน ยันประชามติ 180 วันเป็นปัญหา แก้ รธน.ในรัฐบาลนี้ไม่มีทางทำได้
วันนี้ (20 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการประชุม กมธ. วันนี้ ว่า ขณะนี้เกิดความเห็นต่างกันเป็นอย่างมาก ระหว่าง กมธ.ฝั่ง สส.และ สว. ในขั้นตอนการออกเสียงประชามติ ที่จะต้องมีการลงมติกัน แม้จะมี กมธ.ฝั่งละ 14 คน แต่วันนี้ฝั่ง สส.ขาดไป 1 คน คือ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ได้ลาไว้ก่อนแล้ว และตามที่ฟังทั้ง 2 ฝ่ายที่ยืนมติของตัวเองมาโดยตลอด ตนเกรงว่าจะมีปัญหา และจริงๆ แล้วตนเห็นปัญหาเรื่องการทำประชามติมาก่อนแล้ว ว่า ในชั้น กมธ. เหมือนจะมีความเห็นว่า การทำประชามติต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่มีความชอบธรรม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังได้ ตนจึงได้เสนอให้ทำประชามติแบบชั้นครึ่ง เพื่อที่จะเจอกันตรงกลาง และเห็นว่า ขณะนี้มีการท้ากันว่า การทำประชามติออกไป 180 วันก็ไม่เป็นไร
“ผมยืนยันว่า 180 วัน เป็นปัญหา เพราะแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐบาลนี้ไม่มีทางทำได้ แต่ก็มีความคิดกันว่าให้ได้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ยังดี เพราะตอนนี้เวลาเราจะเหลือ คือ ปี 68 และ 69 แต่หากสภายืนตามมติเดิม ก็จะต้องรอไปอีก 180 วัน หรือ 6 เดือน และรอออกเป็นกฎหมายอีกประมาณ 1 เดือน รวมเป็น 7 เดือน อีกต้องรออีก 100 วัน จึงจะทำประชามติครั้งแรกได้เท่ากับว่าหมดปีพอดี” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวว่า ถึงแม้กฎหมายนี้จะผ่านออกมาภายในปี 68 แต่ตนเชื่อว่า วุฒิสภาจะไม่ให้เสียงเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพราะเหมือนกับแตกหักกันแล้ว ทำให้ต้องรอสภาสมัยหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 อีกครั้ง ซึ่งใช้เวลา 3-4 เดือน ดังนั้น แม้แต่ ส.ส.ร.ก็สุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดขึ้นไม่ทัน
นายนิกร ระบุว่า เหลือเพียงทางเดียว คือ ฝั่ง สว.ต้องถอย 1 ก้าว ตามที่ตนเสนอ แต่คิดว่าคงไม่ถอย เพราะตอนนี้การเมืองแรงเหลือเกิน ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม กมธ. นายนิกร กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอให้ผมโชคดี”