ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ลวดลาย"ทนายปาเกียว" รู้นะคิดอะไรอยู่!? สู้ไปถอยไป "ตั้ม" จะคืนเงิน"พี่อ้อย" หาทางชิ่งเนียนๆ
“ทนายปาเกียว” สายหยุด เพ็งบุญชู เคลื่อนไหวล่าสุด ให้สัมภาษณ์ ว่า ได้ยกหูโทรคุยกับ "ทนายพี่อ้อย" ยินยอมชดใช้เงินทุกบาททุกสตางค์
พลันนั้นก็เกิดคำถามกับทนายสายหนวดผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายนักมวยชื่อดัง "แมนนี่ ปาเกียว" จะเอาไงแน่กับชีวิต!?
วาดลวดลายตอนไปออกรายการโหนกระแส พูดว่า เงิน 71 ล้านบาท "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ไม่จำเป็นต้องคืน
วันนั้นพูดอย่าง วันนี้มาพูดอีกอย่าง จะคืนเงิน “พี่อ้อย” จตุพร อุบลเลิศ รู้นะคิดอะไรอยู่?
ถามว่า “ทนายตั้ม” มีเงินที่จะคืนหรือ!? เงินที่มีอยู่ในบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินหลายรายการ ก็ถูกอายัด!
“ทนายปาเกียว” จะอยากหยั่งเชิงก็ดี จะลีลาก็ดี ประเดี๋ยวคงจะได้รับคำตอบจากพี่อ้อยขอให้ติดตาม"สนธิเล่าเรื่อง"โดยสนธิ ลิ้มทองกุล ไว้ให้ดีๆ
งานนี้จะเป็นความคิดของทนายสายหยุด หรือ ทนายตั้มเอง ไม่สลักสำคัญ ที่แน่ๆทนายปาเกียว ป่าวร้องว่า “ทนายตั้ม” ยินยอมจะใช้เงินคืนพี่อ้อยนั้น ดูออกแหละทำไปเพื่อให้ดูเหมือนทนายแบรนด์เนม ลูกความตัวเอง "มีสำนึก" อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการยื่นขอประกันตัว
อีกประเด็นหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้เนียนๆ คือ สร้างเงื่อนไขให้ตัวเองได้ถอยห่างชิ่งหนีจากคดีออกมาได้!
โดยมีข้อแม้ว่าถ้า “ทนายตั้ม” ไม่คืนเงิน 71 ล้านก็จะพิจารณาตัวเองว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ...ว่าซั่น!
ขณะที่คดี 39 ล้านนั้น ถอยฉากมาตั้งแต่ไกลแล้ว ก็ย้ำอีกครั้ง หากว่าทนายตั้มผิดจริง ก็จะแนะนำให้รับสารภาพ เพราะตัวเองยืนยันว่าจะไม่รับทำคดีแน่นอน หากทำแล้วแพ้
ไม่รู้ว่า “ทนายจุ๊กกรู” สั่งสอนกันมาหรือไม่ เพราะ ทนายสายหยุด ย่อมดูออก หลักฐานแน่นหนา เข้าทำนอง "สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพติดพอประมาณ"
ชื่อ “ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู” ถูกพูดถึงในทางบวก เต็มไปด้วยเสียงชื่นชม ตอนเปิดตัวเป็น ทนายความของษิทราช่วงแรกๆ
ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ จากภาพลักษณ์หนักแน่น แม่นกฎหมาย อยู่ไปอยู่มาพอเหลาลงไปตอนนี้กลายเป็นบ้องกัญชา
คำพูดคำจา หนักไปทาง "ตะแบง" จนชาวเน็ตจับทางออก สีข้างถลอกปอกเปิก น้ำหนักหมัด "ปาเกียว'"เบาหวิว
มิหนำซ้ำเรื่องราวในอดีต และปัจจุบัน ถูกเพจดังตามขุดคุ้ยเป็นต้นว่า ร่ำรวยผิดปกติ หลังทำงานให้ “ทนายตั้ม” ขุดอาชีพเสริม รับจำนำปืน-ปล่อยกู้ฉ่ำ มีเมียเพียบ!
อย่ากระนั้นเลย..สถานการณ์ที่อยู่ ลากยาวแต่คนเขาจะนินทาหมาจะดูถูก
ไม่ต้องแปลกใจที่ทนายสายหยุดจะเคลื่อนไหวแบบสู้ไปถอยไป หาบันไดลง
สรุปว่า การเปิดเผยว่า ตัวเองขณะนี้ได้มีการพูดคุยทนายของพี่อ้อยในเรื่องของการไกล่เกลี่ยเพื่อจะเยียวยาโดยให้เหตุผลคดีเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงเมื่อไปถึงชั้นศาล ศาลท่านก็จะให้ไกล่เกลี่ยกันอยู่แล้ว และ เจตนาส่วนตัว ก็คือ เมื่อเป็นหนี้แล้ว เขาทวงเราก็ต้องใช้ แต่หากว่าในอนาคต “ทนายตั้ม”ไม่คืน ก็จะมีเหตุที่ทำให้ตนเองตัดสินใจเกี่ยวกับการทำงานหลังจากนี้ ว่า จะว่าความต่อหรือไม่
“ทนายปาเกียว” ย่อมรู้ว่า แบบนี้จะรักษาหน้าตาความหล่อของตัวเองเอาไว้ได้ดีสุด
ส่วน “ทนายตั้ม” ก็สุดแล้วแต่เวรกรรม กรรมของใครก็ของมัน ไม่ต้องรอให้สายแล้วค่อยหยุด สายหยุดขอหยุดตรงนี้ก็แล้วกันพี่น้อง!
++ “ทักษิณ”จ้อสื่อนอกทั้งอวย “ลูกอิ๊งค์” ทั้งประกาศ“ยิ่งลักษณ์”กลับไทยสงกรานต์หน้า “ทวี” ชี้ช่อง เข้ามาแล้วยังไง
กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยหาเสียงให้ ผู้สมัครนายกอบจ. ของพรรคเพื่อไทย ได้ก่อกระแสที่เรียกได้ว่า ฮอตมาก!!
เพราะเขาขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะ พ่อของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และพ่อของนายกรัฐมนตรี เรียกได้ว่าเป็น “นายใหญ่” ของบรรดาสส.เพื่อไทย และ ของรัฐบาลนี้ ... ไม่ใช่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงธรรมดาๆ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว
หลายๆ เรื่องที่เขาหยิบยกมาพูด จึงเหมือนพูดแทนรัฐบาล ทำเอาสื่อไทย สื่อเทศ บรรดา “นักร้อง”และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ต้องติดตามอย่างเกาะติด เพื่อต่อยอด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ยังให้สัมภาษณ์ เว็บไซต์สำนักข่าว Nikkei Asia ในหลายเรื่อง หลายประเด็น ทั้งสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก...ผลกระทบจากการกลับสู่อำนาจของ “โดนัลด์ ทรัมป์”...แนวทางการพัฒนาของไทย และขาดไม่ได้คือ เรื่องที่เกี่ยวกับคนในครอบครัวชินวัตร
ไฮไลต์ของเรื่องคนในครอบครัว ก็หนีไม่พ้นเรื่องความภาคภูมิใจในตัวของ “ลูกอิงค์” ที่กำลังรับบท นายกรัฐมนตรีของไทยที่อายุน้อยที่สุดอยู่ในขณะนี้ และกรณีของน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ที่ยังอยู่ระหว่างลี้ภัยในต่างประเทศ
“ทักษิณ”พูดถึงความเป็นผู้นำของ “ลูกอิ๊งค์” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ลูกสาวของเขาคนนี้ ประสบความสำเร็จในการผสมผสานประสบการณ์ของตัวเขาในฐานะนักการเมือง กับความคิดของคนรุ่นใหม่
“ทักษิณ”ไม่ลืมที่จะพูดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาว่าเขาครอบงำพรรคการเมือง โดยย้ำว่า เขาให้ความเคารพความคิดของลูกสาว และปฏิเสธที่จะให้คำแนะนำด้านนโยบาย ที่เฉพาะเจาะจงแก่เธอ
ส่วนเรื่องการกลับไทยของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นั้น “ทักษิณ”บอกว่า เขามีความมั่นใจว่า น้องสาวของเขา จะสามารถกลับไทยได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า
“ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรที่ขัดขวางเธอ ไม่ให้กลับบ้าน ผมคิดว่าเธออาจจะกลับมาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส” ทักษิณ บอกกับผู้สื่อข่าว Nikkei Asia
เป็นการบอกกล่าวอย่างมั่นใจว่าในสถานการณ์เช่นทุกวันนี้ ไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดขวางการกลับมาของ “ยิ่งลักษณ์” ได้
เมื่อ “ทักษิณ” พูดออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าคนในสังคมที่ได้ยินได้ฟัง ย่อมอยากรู้ว่าจะมีช่องทางกลับมาอย่างไร ที่กลับมาแล้ว “ไม่ต้องติดคุก” แม้แต่วันเดียวเหมือนพี่ชาย
เรื่องนี้ “ทวี ส่อดส่อง” รมว.ยุติธรรม ชี้ช่องว่า การที่จะเข้าสู่กระบวนการของกรมราชทัณฑ์ ต้องเริ่มต้นที่กระบวนการศาลก่อน คือ ต้องมีหมายขังที่ออกโดยศาลก่อน เมื่อรับหมายแล้ว กรมราชทัณฑ์ก็จะปฏิบัติตามหมายนั้น และ ตามกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ปัจจุบัน มีการยกระดับมากขึ้น
การยกระดับของกฎหมายราชทัณฑ์ ที่ “ทวี” พูดถึง น่าจะหมายถึง ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ที่ให้สามารถคุมขังนอกเรืองจำได้
ส่วน “ยิ่งลักษณ์” กลับมา จะเข้าสู่กระบวนการแบบเดียวกับ “ทักษิณ” จนไปถึงขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ หรือไม่ “ทวี” บ่ายเบี่ยงว่า ช่วงที่ “ทักษิณ” กลับมา เขายังไม่ได้เป็น รมว.ยุติธรรม แต่คิดว่า การกลับมาของ “ยิ่งลักษณ์” ต้องปฏิบัติตามกฎหมายราชทัณฑ์ ไม่มี “โมเดลทักษิณ” หรือโมเดลอะไรทั้งสิ้น
ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร บอกปัดไปว่า เมื่อ “ทักษิณ” เป็นคนพูดก็ให้ไปถามทักษิณ
ส่วน “ยิ่งลักษณ์” เคยประสานมาทางรัฐบาลหรือไม่นั้น “นายกอิ๊งค์” บอกว่า ไม่ได้มีการประสานกับรัฐบาลเลย มีแต่โทรหาหลานค่ะ พร้อมชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
การที่ “ทักษิณ”บอกว่า “ยิ่งลักษณ์” จะกลับไทยสงกรานต์หน้า ไม่มีอะไรขวางได้ นั่นก็ใช่ แต่สังคมไทยอยากรู้ว่า กลับมาแล้ว จะไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวหรือไม่