“กฤษฎีกา” ตอบข้อหารือ มหาดไทย การนับวาระการดํารงตําแหน่ง “นายก อบต.- นายกเทศมนตรี” ที่นั่งเก้าอี้้ติดต่อกันครบสองวาระตามกฎหมาย หลัง อบต. ได้ยกฐานะเป็น ทต. หรือ ทม. จะนับวาระการดํารงตําแหน่ง อย่างไร? รวมถึงกรณีนายก ทต. ยกฐานะเป็น ทม. จะเริ่มนับตั้งแต่นั่งเก้าอี้ “นายก ทม.” หรือนับวาระต่อจากตำแหน่งเดิม เผย กรณีแรก ให้นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีของเทศบาลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ ยกเหตุเป็นคนละนิติบุคคลกับ อบต.ที่สิ้นสภาพ ส่วนกรณีสองให้นับตั้งแต่ นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรี ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ หลังชนะเลือกตั้ง
วันนี้ (19 พ.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอหารือกระทรวงมหาดไทย ประเด็นการนับวาระการดํารงตําแหน่งของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) และนายกเทศมนตรี (เทศบาล) ซึ่งนายก อบต. หรือนายกเทศมนตรี ได้ดํารงตําแหน่งติดต่อกันสองวาระแล้ว
ต่อมา อบต. ได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตําบล (ทต.) หรือเทศบาลเมือง (ทม.) จะนับวาระการดํารงตําแหน่ง อย่างไร หรือหากปัจจุบันดํารงตําแหน่งนายก ทต. ต่อมายกฐานะ ขึ้นเป็น ทม. การนับวาระการดํารงตําแหน่ง จะเริ่มนับตั้งแต่การดํารงตําแหน่งนายก ทม. หรือนับวาระต่อจากเมื่อครั้งดํารงตําแหน่งนายก ทต. โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ขอหารือต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา
ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้มีความเห็นในเรื่องเสร็จที่ 1434/2567 กรณีวาระการดํารงตําแหน่ง อบต. ได้ยกฐานะเป็นเทศบาล จะเริ่มนับตั้งแต่เมื่อใด เห็นว่า มาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2546
กําหนดว่า ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการเทศบาล อาจจัดตั้ง อบต.ขึ้นเป็นเทศบาลได้ โดยทําเป็นประกาศของกระทรวงมหาดไทย และให้ อบต.ที่ได้จัดตั้งเป็นเทศบาลดังกล่าว พ้นจากสภาพแห่ง อบต. รวมทั้งให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภา อบต. สิ้นสุดลง และนายก อบต. พ้นจากตําแหน่ง
ประกอบกับมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติ เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กําหนดว่า เมื่อท้องถิ่นใดมีสภาพอันสมควรยกฐานะเป็นเทศบาล ให้จัดตั้งท้องถิ่นนั้นๆ เป็นเทศบาลตําบล เทศบาลเมือง หรือเทศบาลนคร
ตามพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กําหนดว่า เมื่อมีการจัดตั้งเทศบาล ให้เลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีตามกฎหมายว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้จัดตั้งเทศบาล
จะเห็นได้ว่า ในการเปลี่ยนสภาพ อบต. ขึ้นเป็นเทศบาลนั้น ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขึ้นใหม่ เมื่อมีการจัดตั้ง อบต.ขึ้นเป็นเทศบาลแล้ว อบต.เดิมย่อมพ้นจากสภาพแห่ง อบต.
ด้วยเหตุนี้ เทศบาลที่ได้มีการจัดตั้งขึ้นใหม่จึงเป็น อปท.อีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นนิติบุคคล คนละนิติบุคคลกับ อบต.ที่สิ้นสภาพไป ประกอบกับ มิได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายกําหนดไว้ โดยชัดแจ้ง
“ให้นับวาระการดํารงตําแหน่งของนายกเทศมนตรี ซึ่งเคยดํารงตําแหน่งนายก อบต. ในกรณีนี้จึงต้องนับตั้งแต่การดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรีของเทศบาลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่”
ส่วนข้อหารือ กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงฐานะ ทต.เป็น ทม. วาระการดํารงตําแหน่งของนายกเทศมนตรี ของ ทม.ที่มีการเปลี่ยนแปลงฐานะนั้น จะเริ่มนับตั้งแต่การดํารงตําแหน่ง นายกเทศมนตรี ของ ทม. หรือนับต่อเนื่องจากการดํารงตําแหน่งนายกเทศมนตรี ของ ทต.เดิม
เห็นว่า มาตรา 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กําหนดให้ท้องถิ่นที่มีสภาพอันสมควรยกฐานะเป็นเทศบาล อาจถูกจัดตั้งขึ้นเป็น ทต. ทม. หรือเทศบาลนคร (ทน.)
ดังนั้น ทต.หนึ่ง ทต.ใด มีสภาพแห่งท้องถิ่น เหมาะสมที่จะเปลี่ยนแปลงฐานะขึ้นเป็น ทม. ก็อาจมีประกาศกระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงฐานะให้เป็น ทม.ได้ หน้าที่และอํานาจและวิธีการ บริหาร ทม.ก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นองค์กรใหม่ที่แตกต่างไปจากองค์กรเดิม
ทั้งนี้ เมื่อมีประกาศ กระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงฐานะให้ ทต.เป็น ทม. ซึ่งมีผลเป็นการจัดตั้ง ทม.ขึ้นใหม่แล้ว ทต.นั้นจะพ้นจากสภาพแห่ง ทต.เดิม นับแต่วันที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นต้นไป
โดยต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี ที่จัดตั้งขึ้นใหม่นั้นภายในสี่สิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้จัดตั้งเป็น ทม.
ดังนั้น ทต.เดิมจะสิ้นสภาพไป เมื่อมีการจัดตั้ง ทม.ขึ้นใหม่ ประกอบกับมิได้ มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายกําหนดไว้โดยชัดแจ้ง ให้นับวาระการดํารงตําแหน่งใน อปท.แห่งใหม่ ต่อเนื่องจากวาระการดํารงตําแหน่งในอปท.แห่งเดิมในกรณีที่มี การเปลี่ยนแปลงฐานะ ทต.เป็น ทม.
ดังนั้น ในกรณีนี้ จึงต้องนับตั้งแต่การดํารงตําแหน่ง นายกเทศมนตรีของ ทม.ที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่.