“พิชัย” เผย ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งปรับโครงสร้างหนี้ภาคครัวเรือน เล็งปลอดดอกเบี้ย 3 ปี พร้อมฟื้นช่วยเกษตรกร 1,000 บาทต่อไร่ แต่อาจมีการปรับหลักเกณฑ์
วันนี้ (19 พ.ย.) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้คุยหลักการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องผลักดัน วันนี้พอทราบแนวทางแก้ไข คือ กระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารภาครัฐ โดยกระทรวงการคลังจะสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ในรูปแบบลดภาระภาคครัวเรือน โดยเป็นกลุ่มครัวเรือนที่รัฐบาลพิจารณา ว่า เป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้ไม่นาน ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่น่าจะขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ อยู่ในช่วงฟื้นตัว หากได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น กลุ่มเหล่านี้เบื้องต้นดูไว้แล้วว่า มีจำนวนเท่าไร จึงจะมากำหนดวงเงินให้เหมาะสมกับครัวเรือน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้าน กลุ่มรถยนต์ และกลุ่มใช้จ่ายที่เป็นหนี้บริโภค และเมื่อรวมทั้ง 3 กลุ่มจะมีวงเงินหนี้ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาทขึ้นไป โดยสิ่งที่จะลดภาระได้ คือ จะให้โอกาสโดยที่ยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี รวมถึงจะดูเรื่องของเงินต้น หากเป็นไปได้ จะให้มีการผ่อนน้อยลงซึ่งถือเป็นหลักการใหญ่ๆที่ดำเนินการอยู่ แต่ต้องไปดูในแต่ละกลุ่มอีกว่า
นอกจากปัญหาดังกล่าว ยังมีปัญหาอื่นอีกหรือไม่ เพราะอาจมีบางคนมีหนี้อยู่นอกธนาคาร จึงจำเป็นต้องดึงขึ้นมาปรับไว้อีกกลุ่มหนึ่ง โดยหลักแล้วส่วนตัวเข้าใจว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเรื่องนี้อยู่ เมื่อเวลางวดขึ้นมาแล้วก็จะมีการช่วยเหลือสิ่งเหล่านี้ แต่การลดดอกเบี้ยลดใน 3 ปี สำหรับคนที่ปฏิบัติได้ดี แต่ถ้าปฏิบัติไม่ดีต้องรับภาระหนี้เดิม ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในหลักการ ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขแน่นอน ซึ่งได้มีการแจ้งหลักการนี้ให้ทุกส่วนได้รับทราบแล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมองเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ไม่ต้องจ่าย ส่วนเงินที่จะมาใช้จ่าย ก็มาจาก 2 ส่วน คือ ความร่วมมือของธนาคาร กับกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้จะมีความชัดเจนว่า จะดำเนินการไปในทิศทางใดหลังวันที่ 20 พ.ย.นี้ และย้ำว่า ในเรื่องนี้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศให้การสนับสนุนและเห็นด้วยตั้งแต่แรกว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาเร่งด่วน จึงได้ทำงานร่วมกันมา แต่รายละเอียดมีจำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.รับปากว่า จะดูให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า โครงการเงิน 10,000 บาท ที่แจกผู้สูงอายุ ทำไมรัฐบาลถึงเคาะภายหลังที่นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีออกมาพูด นายพิชัย กล่าวว่า ไม่ได้เคาะทีหลัง ซึ่งเรื่องจริงคิดมาหลายเดือนแล้ว และหลายเรื่องก็คิดมาหลายเดือน กว่าที่จะมาพิจารณาร่วมกัน เนื่องจากมีหลายมิติที่ต้องหารือ
ส่วนที่มีคนมองว่า คิดดังไปจนถึงหูนายทักษิณทุกครั้งใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เวลาคิดดัง คิดถึงท่าน สื่อมวลชนก็ได้ยินเหมือนกัน (หัวเราะ) เวลาพวกเราคิดไป บางทีเผลอพูดดังไปหน่อย
นายพิชัย ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ว่า ที่ประชุมฝากให้ไปแก้ภาคการก่อสร้างที่จะต้องสนับสนุน เพื่อตอบโจทย์คนที่มีรายได้น้อยยังไม่มีที่อยู่อาศัย ขณะที่คนก่อสร้างก็อยากจะสร้างบ้าน
ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวเสริมว่า เหตุที่การปรับโครงสร้างหนี้ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องดูหลายมิติ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคาร รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ทุกคนก็พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในการลดหนี้ครัวเรือน ดังนั้นทุกฝ่ายต้องคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และจะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
ด้าน นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือภาคการเกษตร โดยเป็นการช่วยเหลือระยะสั้น เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยจะเป็นการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งกระทรวงการคลัง จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเดินหน้าโครงการนี้ไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณระยะยาว โดยจะมีการปรับกรอบรายละเอียดของโครงการบางส่วน ซึ่งต้องหารืออีกครั้งหนึ่ง
ส่วนจะใช้เกณฑ์ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือนใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รอการประชุมก่อน ซึ่งจะใช้เวลาหารือไม่ทัน และมีความเป็นไปได้ที่จะออกมาตรการเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับเกษตรกร