'จตุพร' ให้จับตา 22 พ.ย. จุดเปลี่ยนการเมืองไทย ปฐมบทคนรักชาติหยุด “ทักษิณ ชินวัตร” และ พรรคเพื่อไทย ป้องกันภัยสุ่มเสี่ยง จวกหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรฯ ไม่พูดนโยบาย กลับไม่แซะ "ธนาธร" ทำให้เสียง ปชน.หายใจรดต้นคอแล้ว มีสิทธิแซงชนะ เตือนอยากเป็นประชาธิปไตยต้องไม่สร้างเงื่อนไขทำลายประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ทางเพจ "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ว่า วันที่ 22 พ.ย.นี้จะเป็นปฐมบทของคนรักชาติได้หยุดทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพื่อป้องกันภัยสุ่มเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อคนหลายรุ่นถัดไปในอนาคต
อีกทั้งกล่าวว่า เมื่อทักษิณ ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี แต่ไม่พูดถึงนโยบายพัฒนาอุดรฯ กลับไปเตือนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อย่ารื้อโครงสร้าง พร้อมกำชับเสื้อแดงอย่าให้สีอื่นตกใส่ ยิ่งทำให้พรรคคนหนุ่มสาวคือพรรคประชาชนกระพือโหมซัดกลับทุกประเด็น จนเสียงนิยมของผู้สมัครนายก อบจ.จากพรรคประชาชนเริ่มหายใจรดต้นคอเพื่อไทยแล้ว
“เสียงของผู้สมัครนายก อบจ.อุดร พรรคประชาชนเริ่มจี้ไล่หลังแบบสูสีกับเพื่อไทย ถ้าสัปดาห์นี้ปูพรมปราศรัยถี่ยิบก็มีโอกาสแซงโค้งเหมือนการเลือกตั้งปี 66 ดังนั้น ในวิกฤตที่ทักษิณ มาช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครเพื่อไทยจึงเท่ากับมาปลุกคะแนนเสียงให้คนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของพรรคประชาชนจะชนะได้”
ส่วนศาล รธน.จะพิจารณารับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร หรือไม่ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ นายจตุพร เชื่อว่า ศาล รธน.จะรับคำร้องไว้พิจารณา ซึ่งจะทำให้อำนาจทางการเมืองจะเปลี่ยนโดยฉับพลัน แต่สิ่งต้องจับตาคือ จะสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ของนายกฯ และ รมต. รวม 3 คนด้วยหรือไม่ เพราะจะทำให้การเมืองเกิดแรงเหวี่ยงขึ้นมากมาย
“ถ้าศาล รธน.รับคำร้องแล้ว โรคแทรกจะเกิดขึ้นทันที่โดยจะมีการร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีทักษิณ ไม่ได้ติดคุกเลย ซึ่งไม่เป็นไปตามคำพิพากษาและไม่เป็นไปตามพระบรมราชโองการฯ”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อศาล รธน.รับคำร้องแล้ว การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดร จะเปลี่ยนทันที โดยพรรคประชาชนจะทิ้งเพื่อไทยแบบขาดลอย แล้วบีบรัดให้การเมืองกรณีอื่นๆ เข้ามาผสมด้วย ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ทักษิณก่อปฏิบัติการสุ่มเสี่ยงกับบ้านเมือง ทั้งการตั้งบ่อนคาสิโน แลนด์บริจด์ รวมทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และการเจรจากับกัมพูชา
อีกทั้งการจะตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติย่อมเปิดช่องให้ดิจิทัลเข้ามาสู่ระบบเงินตราของประเทศได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้า ครม.เพื่อขออนุมัติให้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จึงไม่แน่ใจพรรคร่วมรัฐบาลจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ และยังไม่ชัดเจนจะทำให้แบงก์ชาติปลอดจากการเมืองแทรกแซงหรือไม่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะมีการร้องเรียนตามมาและจะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอนได้
“วันนี้ไม่มีใครไปทำอะไรคุณหรอก แต่คุณหาแต่เรื่องเองทั้งนั้น เห็นอยู่แล้วเขา (กิตติรัตน์) พ้นจากตำแหน่ง (ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน) ยังไม่ถึงปี แล้วมาสุ่มเสี่ยงทำไมกับคุณสมบัติต้องห้าม เมื่อถึงจุดนี้ยิ่งดิ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งฆ่าตัวตายทางการเมืองมากเท่านั้น”
นายจตุพร กล่าวว่า ถัาต้องการเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทักษิณ ต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการทำลายประชาธิปไตย ทั้งที่เงื่อนไขในอดีตเป็นบทเรียนถูกยึดอำนาจมาแล้ว และที่สำคัญ การเป็นระชาธิปไตยที่ต้องการสร้างไม่เป็นของจริง แต่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่รักษาสัญญากับประชาชน หรือประชาธิปไตยตระบัตสัตย์กับประชาชน
ส่วนการตั้งคณะกรรมการเจทีซีเพื่อเจรจากับกัมพูชานั้น นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลขณะนี้ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน สิ่งนี้จะนำพาไปสู่ชนวนแตกหักได้ตลอดเวลา ความจริงแล้วควรเจรจาปักปันเขตแดนทั้งทางบกและทะเลให้จบสิ้นก่อนจึงเจรจาผลประโยชน์จากพลังงานร่วมกัน
นอกจากนี้สัญญาที่ทำกับเซฟรอนเมื่อ 52 ปีที่แล้วต้องนำมาพิจารณาว่า จะยกเลิกได้หรือไม่ เพื่อให้คนไทยได้ราคาพลังงานลดลงได้อย่างไร ดังนั้น ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจึงส่งผลให้ประชาชนไม่พร้อมจะสุ่มเสี่ยงในการเสียดินแดนอีกแล้ว
“รัฐบาลต้องแถลงออกมาให้ชัดเจนถึงการเจรจาปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะพิจารณาผลประโยชน์แหล่งพลังงาน แล้วพิจารณาทบทวน ยกเลิกสัญญาสัมปทานเมื่อ 52 ปีที่แล้วกับเซฟรอนด้วย”
นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณ ประกาศรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอยู่ครบวาระนั้น แต่อารมณ์ความรู้สึกของคนไทยแล้ว ถ้าอยู่ครบวาระจริง จะทำให้เกิดอะไรตามมาอีกมากมาย ดังนั้น วันที่ 22 พ.ย.นี้จะเป็นปฐมบทการหยุดสร้างปัญหาของรัฐบาลได้ ที่สำคัญเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนรุ่นลูก หลาน และอีกหลายรุ่นคน ที่ต้องมาเจอบ่อน เรื่องให้ต่างชาติอยู่ในไทยได้ 99 ปีไม่แตกต่างจากการจีนให้เช่าเกาะฮ่องกง รวมทั้งการทำลายระบบเงินตรา ดังนั้น คนรักชาติบ้านเมืองจริงตจะยอมในสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้เลย