"เรืองไกร" ร่อนจดหมายร้อง กกต.ส่งศาล รธน.ชี้ขาดสถานะรัฐมนตรี "นายกอิ๊งค์ -มาริษ" เหตุไม่มีซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ปมตั้ง รมว.กต.ทั้งที่รู้หรือควรรู้ขาดคุณสมบัติ
วันนี้(19พ.ย.)นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักกฎหมาย ส่งหนังสือร้องเรียนทางไปรษณีย์ไปยัง กกต. ให้ตรวจสอบและมีความเห็นส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารและนายมาริษ สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4)(5) ประกอบมาตรา 160 (4)(5)และ (8) หรือไม่
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ได้นำส่งหลักฐานเป็นเอกสารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและผลจากที่ได้เข้าให้ถ้อยคำต่อกกต.เมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 และพร้อมเกี่ยวกับการยังคงเป็นกรรมการบริษัท สยาม เมดเทค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ของนายมาริษ ภายหลังจากที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 187 วรรค 1 เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (5) หรือไม่ และหลังจากการให้ถ้อยคำมีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอข่าวการลาออกจากกรรมการบริษัทและการโอนหุ้น 2 บริษัทของนายมาริษ จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งเห็นว่า กกต.ควรถือเป็นความปรากฏที่เพียงพอส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ไต่สวนวินิจฉัยได้ เนื่องจากมีการเปิดเผยรายละเอียดสำเนาเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย
ส่วนกรณีน.ส.แพทองธารที่แต่งตั้งนายมาริษเป็นรมว.ต่างประเทศทั้งที่มีหลักฐานปรากฏชัดดังกล่าว อาจแสดงให้เห็นได้ว่าน.ส.แพทองธาร ต้องรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการแต่งตั้งนายมาริษ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4)(5)(8) จึงขอให้ กกต.รีบส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อไต่สวนวินิจฉัยว่าน.ส.แพทองธารและนายมาริษ มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งหวังว่ากกต.จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่ชักช้า