เมืองไทย 360 องศา
จับอาการแล้ว เห็นว่าการเลือกตั้งในสนามท้องถิ่น อย่างนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ที่มีทั้งทยอยเลือกตั้ง หลังจากพวก “หัวหมอ” ชิงลาออกก่อนกำหนด และการเลือกตั้งทั่วประเทศ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ต้องมีความเข้มข้นขั้นสุดเลยทีเดียว เพราะจะส่งผลกระทบไปถึงการเลือกตั้งใหญ่อย่างเลือกตั้ง ส.ส.ในคราวถัดไปด้วย การเลือกตั้งท้องถิ่นดังกล่าว จึงเป็นสนามทดสอบอย่างดี แล้วยังเป็นการสร้างฐานเสียงเอาไว้ล่วงหน้าอีกด้วย
อย่าได้แปลกใจที่บรรดาพรรคการเมืองใหญ่ กำลังทุ่มเทสรรพกำลัง ทำทุกทางเพื่อปักธง หรือไม่ก็ต้องรักษาพื้นที่เดิมเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน ที่เน้นในจังหวัดใหญ่ในทุกภาค โดยเฉพาะที่เป็นฐานเสียงเดิม หรือมองเห็นอนาคตที่ต้องรุกคืบออกไปให้ได้มากที่สุด พรรคภูมิใจไทย ที่มีเป้าหมายในบางจังหวัด หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องรักษาที่มั่นเดิมในภาคใต้เอาไว้ให้ได้
โฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยก่อน ก็จะเห็นความเคลื่อนไหวแบบผิดปกติออกมาให้เห็น เป็นการระดมสรรพกำลังออกมาสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ เพราะได้เห็นการ “ออกตัว” ของนายทักษิณ ชินวัตร แบบเต็มพิกัดแบบไม่มียั้ง เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน และเป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปี ที่เขาทุ่มเทหาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรค ที่เป็นแค่ระดับผู้สมัครนายกอบจ. ในจังหวัดหนึ่งเท่านั้น
เป็นครั้งแรกที่นายทักษิณ โดดขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงด้วยตัวเอง ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันก่อน และยังเดินสายหาเสียงถึงสองวันคือ วันที่ 13-14 เดือนนี้ และไม่แน่ว่าหากบรรยากาศไม่ชัวร์ในช่วงวันสุกดิบ เขาก็อาจลงมาอีกครั้งก็เป็นได้
หากพิจารณากันถึงความทุ่มเทแบบนี้ ถ้ามองกันอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าเวลานี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ทุกอย่สงไม่เหมือนเดิม ดังนั้นจึงต้องหาทางดึงกลับมาให้ได้ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า จังหวัดอุดรธานี เคยเป็นฐานเสียงสำคัญจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เรียกว่าเป็น “ดงเสื้อแดง” ที่เคยให้การหนุนหลังพรรคเพื่อไทย และครอบครัวชินวัตรของเขามานาน แต่ระยะหลังบรรยากาศเปลี่ยนจากหลายสาเหตุ ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยต้องเสียที่นั่ง ส.ส.ได้มา 7 คน จาก 10 คน ไม่ยกทีมแบบง่ายๆ เหมือนทุกครั้ง อีกทั้งบรรดาคนเสื้อแดง ก็แตกออกไป ซึ่งสาเหตุสำคัญก็มาจากพฤติกรรมและท่าทีของเขานั่นแหละ ที่พักหลังไม่ค่อยเห็นคุณค่าผลักใส ไล่ส่ง
ดังนั้น เมื่อกลับมาคราวนี้ ก็เหมือนกับว่า “พอจะใช้งาน ก็ต้องกลับมาง้อ” อะไรประมาณนั้น แต่ถึงอย่างไรมันก็มองได้ไม่ยากว่า “งานนี้สำคัญ” ยิ่งยวด ก็ต้องลงมาเอง ทำทุกทางเพื่อหาทางดึงกลับมาให้ได้
นายทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงเลือกตั้ง เป็นวันที่ 2 โดยกล่าว ว่าไม่ได้เห็นหน้ากันนานคิดถึงกันบ้างหรือไม่ ที่มาอุดรฯ เพราะคิดถึงพี่น้องอุดรฯ คนอุดรฯ ไม่เคยลืมตนเลย โดยเฉพาะบ้านดุง ทุ่งฝนก็มาด้วย ใครทันตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ ที่ต้องถามแบบนี้ เพราะตอนนี้ตนอายุ 75 ปีแล้ว แต่จริงๆแล้ว ความรู้สึกยัง 25 เพราะอีก 25 จะครบ 100 ปี และเวลาที่กลับมาเห็นพี่น้องเยอะๆ หัวใจมันพองโต เมื่อก่อนตอนเป็นสมัยไทยรักไทย มาเจอพี่น้องต่างจังหวัด กลับไปมีความสุข และกลับไปนั่งคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้เขาหายจน ชีวิตเคยลำบากมา และเมื่อเห็นพี่น้องแล้วบางทีคิดมาก เมื่อสักครู่นั่งรถเห็นสภาพของพี่น้องแล้วเป็นห่วง กี่ปีๆ ทำท่าจะดีขึ้นในตอนที่เป็นนายกฯ และเมื่อถูกปฏิวัติออกไป 17 ปี วันนี้ดูแล้วว่ามีตึกสวยขึ้นบางที่บางหลัง แต่ดูจากสภาพทั่วไป พี่น้องยังลำบากอยู่เยอะ
นายทักษิณ กล่าวว่า ถามจริงๆ ทำไมคนอุดรฯ ไม่ลืม ชอบนโยบายที่ทำทิ้งไว้อะไรมากที่สุด 30 บาทรักษาทุกโรคใช่หรือไม่ แล้วกองทุนหมู่บ้าน ยังอยู่หรือไม่ ยังดีหรือไม่ เพิ่มทุนหรือไม่ โดยเมื่อก่อนนี้โอทอป ตอนที่อยู่รุ่งเรืองมาก วันนี้หายไปเยอะ เมื่อเช้าดูสงสัยว่าต้องปรับปรุงครั้งใหญ่ ถ้าโอทอปได้รับการปรับปรุงเหมือนสมัยตอนที่อยู่ แต่เอาเรื่องสมัยใหม่เข้ามาไว้โอทอปจะขายดีขึ้นอีกเยอะ และดูแล้วอยากทำให้พี่น้องมีรายได้มากขึ้น ส่วนในเรื่องหนี้นายกฯอิ๊งค์ บอกว่าได้สั่งการกระทรวงการคลัง ให้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคาร หาทางลดหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้กับพี่น้อง โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน ที่เกิดจากการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ทั้งหลาย ก็จะมีการดูแลเป็นพิเศษ
“เห็นใกล้ๆ แล้ว ผมแก่ไปเยอะหรือไม่ ตอนนี้แก่ไปเยอะ แต่พอเห็นพี่น้องมากันเยอะก็รู้สึกหนุ่มขึ้น จะร้องเพลงเสกโลโซ ว่าอย่างไร เขาบอกคิดถึงตอนอายุ 14 แต่ผมคิดถึงตอนอายุ 55 ที่เป็นนายกฯ ตอนนั้น และนายกฯ อิ๊งค์ เป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่ติดตามผมไปทุกที่ ตั้งแต่ 8 ขวบ แม้กระทั่งไปประชุมเอเปก ก็ติดตามผมไป วันนี้เป็นนายกฯเอง ประชุมเอง แต่สิ่งที่นายกฯ อิ๊งค์ มีอยู่เหมือนผมทุกอย่างคือความรักและความห่วงใยพี่น้องประชาชน และมีความตั้งใจคิดว่าแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้”
แน่นอนว่า นี่การหาเสียงเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครของพรรค แต่หากพิจารณาจากเนื้อหา ก็ต้องการชี้ให้เห็นถึงนโยบายเก่าๆ ในยุคที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเตือนความจำ ให้ความสำคัญเพื่อเรียกความนิยมให้กลับคืนมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันยังเป็นการ“เชียร์” ลูกสาวของตัวเอง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีเวลานี้ พยายามชี้ให้เห็นว่า เป็นห่วงคนจน คนเป็นหนี้ แต่ก็ไม่วายยังอ้างว่าหลังจากที่ตัวเองโดนปฏิวัติ หายหน้าไป 17 ปี ทำให้ชาวบ้านลำบาก อะไรประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งก็ย่อมมองออกได้ไม่ยากว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้และใช้เวลาลงพื้นที่ถึงสองวันแบบนี้ ทั้งที่เป็นแค่การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น มันก็ย่อมมีคำตอบอยู่ในตัวเช่นกันว่า เขา “ไม่ชัวร์” ไม่มั่นคงเหมือนเดิมแล้ว เพราะนอกจากว่าฐานเดิมของตัวเองสั่นคลอน และถดถอยลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ลูกสาวตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผลงานก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ยังแข็งแกร่งขึ้น
อย่างที่เห็นตรงหน้า ก็สามารถพิจารณาจากการที่ผู้สมัครจากพรรคประชาชนที่ยังน่ากลัว และมีสิทธิ์เข้าวินได้เหมือนกัน และในช่างท้ายๆ ก็มีรายงานว่ามีการขนทีมของพรรคชุดใหญ่ลงมาช่วยหาเสียงอีก และสนามนี้ก็อาจเพลี่ยงพล้ำได้เหมือนกัน ดังนั้นการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ลงมาเอง มองในมุมเสี่ยงก็มีไม่น้อย เพราะเหมือนกับว่าตัวเองทุ่มมาสุดตัวแล้ว หากพ่ายแพ้คราวนี้ถือว่าเสียหาย แต่ถึงอย่างไรมันก็จำเป็นต้องเสี่ยง เป็นการวัดพลังศรัทธาว่ายังมีอยู่แค่ไหน!!