ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ยิปมัน ฟาด ปาเกียว เต็มสิบไม่หัก ซูฮก “ปานเทพ” โชว์หลักฐานเด็ด ฝังทนายตั้ม “โกงเป็นสันดาน”
ใครที่ติดตามรายการ “โหนกระแส”เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ต่างยกให้เป็น "เทปเอกฉันท์" คุัมค่าทุกนาที
จะเห็นปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย ทั้งในส่วนของรายการ และความเห็นของผู้ชมที่ "ไม่มีดรามา" แต่เนื้อหาแน่นปึ้ก
ขณะที่ครูกะปิ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ ถึงกับพูดยอมรับว่า เป็นเทปที่ตัวเองสบายที่สุด ไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากส่งเสียง “อุ๊ย-อะ-โอ้”
เมื่อแขกรับเชิญ “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ที่ถือว่าเป็นคน “วงใน” รู้สึก รู้จริง ในฝั่งของ “พี่อ้อย” จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีชาวปากช่อง ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ผู้เสียหายที่ถูก “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ฉ้อโกงเป็นปกติธุระร้อยกว่าล้าน พูดพร้อมโชว์หลักฐานเด็ดจน “ครูกะปิ” อึ้งเพราะไม่เคยรู้มาก่อน
เรียกว่า “ปานเทพ” ซึ่งผู้ชมให้ฉายาระหว่างออนแอร์ ว่า “ยิปมัน” จากภาพลักษณ์การแต่งกายคล้าย "เจ้ากังฟูสู้ยิบตา" ในหนังดัง
สามารถอธิบายคดีให้เข้าใจง่าย จบในกระบวนท่า “ความจริงมีหนึ่งเดียว”
หักล้าง และฟาดกลับความเห็นทนายเสียงเหน่อ ผู้มีใบหน้าละม้าย "แมนนี่ ปาเกียว” สายหยุด เพ็งบุญชู ทนายของษิทรา ที่เพิ่งเอาชนะน็อก “ทนายร้อนรน” รณณรงค์ แก้วเพชร จากการมาออกรายการโหนกระแสวันก่อนหน้า ได้อย่างหมดจด
“ยิปมัน-ปานเทพ” ฟาด “ปาเกียว” กรรมต่อกรรม ตั้งแต่ คดี 71 ล้าน ด้วยหลักฐาน “เอกสารสัญญา” ลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ ที่ชี้ว่า “ทนายตั้ม” โกงเงิน 2 ล้านยูโรไปชัดๆ
กรณีรถเบนซ์ เปิดประเด็น “ใบเสร็จสองใบ” ที่ชัดเจนว่า ตั้งใจงุบงิบเงินส่วนต่างค่าซื้อรถ หาใช่ค่าคอมฯ ดัง "ทนายปาเกียว" ว่า
คดี 9 ล้าน สำหรับเรื่องออกแบบสร้างโรงแรม ก็วางแผนเอาเงินดื้อๆ และ จับโป๊ะที่ “ทนายตั้ม” อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี 39 ล้าน หลอก “พี่อ้อย” ให้โอนเงินให้คนสนิท “นุ-สา” แบบจบครบทุกประเด็นสงสัย
สรุปทั้งหมด "ยิปมัน-ปานเทพ" ค่อยๆ ดึงอาวุธซัดใส่ รวบรวมให้เห็นเป็นประจักษ์ว่า นี่เป็นพฤติการณ์ “โกงเป็นสันดาน” ของทนายตั้ม!!
ไลฟ์สดรายการโหนกระแส EPนี้ ในยูทูป ว่ากันว่า มีผู้ติดตามชมมากกว่าครึ่งล้านเป็นพยาน
หลังจบนำออกไปโพสต์ในเพจของรายการได้นำมาโพสต์ภายใต้หัวข้อเรื่อง “อาจารย์ปานเทพ” มาแล้ว งัดหลักฐานโคตรเด็ด สวน“ทนายตั้ม” ทุกประเด็น เห็นเอกสารสัญญาปุ๊บ ร้องอ๋อทันที
ปรากฏว่า คอมเมนต์ เป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือ หลังจากที่ฟังข้อเท็จจริงจาก “ปานเทพ” จบ เต็มสิบไม่หัก ต้องถาม “ทนายสายหยุด” ยังอยากเป็นทนายให้ต่อ หรือไม่!?
"อาจารย์ปานเทพ” โชว์สกิลซักค้านขนาดนี้ เป็นทนายความได้เลย
“ทนายตั้ม” สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน สารภาพ ติดพอประมาณ!!
หลักฐานของ “ปานเทพ” น่าเชื่อถือ สุดจัดชัดเจน เข้าใจทุกอย่าง เป็นขั้นเป็นตอนทั้งหมด
ที่สุดของปี 2024 เลยเทปนี้ แขกรับเชิญสุภาพ ข้อกฎหมายชัดเจน ภาษาพูด ภาษากฎหมายเข้าใจง่าย ส่วน “ครูกระปิ” งานเบาเลย คนฟังกำไรมาก
เมื่อวันก่อน “ปาเกียว” ขึ้นชก วันนี้ “อาจารย์ยิปมัน” มาโชว์แค่ 2 กระบวนท่า ก็สามารถหยุดเพลงหมัด "999" ได้อย่างราบคาบ"
นี่ต้องบอกว่า เพลงหมัดก็ส่วนหนึ่งแต่สิ่งสำคัญ ที่เอาชนะทุกสิ่งได้ "ยิบมัน-ปานเทพ" ทิ้งท้ายกับ "หนุ่มกรรชัย" ว่าต้องจำไว้เสมอ...ความจริงมีหนึ่งเดียว!!
++ ผีเจอข้าวสารเสก ไปแล้วไปลับ “โจ๊ก” สุรเชชษฐ์ ช.ช้างสองตัว ออกจากราชการชอบแล้ว
ฮือฮา ฮึกเหิม กระดี๊กระด๊า ในหมู่พวกเครือข่าย “โจ๊ก” สุรเชชษฐ์ ช.ช้างสองตัว พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ด้วยมีเรื่องให้ประโคมกันว่า “ลูกพี่” กำลังจะได้กลับมา สตช. เพราะเรื่องกำลังเข้าสู่ศาลปกครอง ไม่ทันข้ามวัน ฝันกลางวันนั้นก็กลายเป็นอากาศธาตุ
โดยเฉพาะสื่ออย่างเจ้าเก่าตำนานอวยยศ “โจ๊ก” เป็นเทพ อย่าง “หมาแก่”ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ อุตสาห์ตีฆ้องร้องป่าว ก่อนที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดจะเริ่ม เจ้าข้าเอ้ยดูดีๆ “ผีโจ๊กเฮี้ยนกลับมาหลอนสตช.” แค่เงาโจ๊กเคลื่อนผ่าน คนในสตช. ก็สะท้านทั้งกรม
ตามด้วยคำสรรเสริญเยินยอ คุณสมบัติพิเศษของ “โจ๊ก” เป็นนักสู้ ที่สู้ทุกประตูไม่ท้อ
แต่จากกรณี “ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ” ประธานศาลปกครองสูงสุด นำคดี หมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ปรากฏว่า ในการพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าว องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ได้สรุปสำนวนคดี และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องรายงานต่อที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมได้มีการเปิดให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดแต่ละคน ได้การอภิปรายแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะมีการลงมติชี้ขาด และให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน เขียนคำพิพากษาต่อไป
ภายหลังการประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่เข้าร่วมการประชุม ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเปิดเผยผลการประชุม โดยให้เหตุผลว่า การประชุมเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ต้องรอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ดำเนินการออกเป็นคำสั่ง หรือคำพิพากษาต่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเท่านั้น
สำหรับคดีนี้ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” ฟ้องว่า ขณะที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จากการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 ให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน กรณีมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNKMASTER จนถูกดำเนินคดีอาญาและถูกศาลอาญาออกหมายจับ ในความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตนเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งในเวลาต่อมา ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ และยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เสียหาย
ล่าสุด องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ยังไม่ได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก และสั่งนัดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าศาลปกครองสูงสุด มีมติยกคำร้องคดีดังกล่าว โดยชี้ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการนั้น ชอบแล้ว
ทว่า งานนี้น่าจะเรียกว่า ผีเจอข้าวสารเสก ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี แล้วจริงๆ หรือ “หมาแก่” ยังจะเห็นเป็นอย่างอื่น ?