เมืองไทย 360 องศา
หากนึกได้แบบเร็วๆทำให้เริ่มมองเห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ที่ถือว่าเป็นพรรคแกนหลักของรัฐบาล ได้เพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดก็เห็นจะเป็นเรื่อง “ที่ดินเขากระโดง” จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเป็นกรณีพิพาทกับการรถไฟแห่งประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้มีเรื่องราวกินใจกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นโยบายกัญชา มาจนถึงกฎหมายทำประชามติที่เชื่อมโยงไปถึง ส.ว.สีน้ำเงินที่มีมติสวนทางจากเสียงข้างมากชั้นเดียวเป็นเสียงข้างมากสองชั้น รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคภูมิใจไทยมีท่าทีไม่ค่อยเห็นด้วย เนื่องจากอ้างว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องปากท้องก่อน
แน่นอนว่า แต่ละเรื่องข้างต้นอาจเป็นคำพูดการแสดงออกทางการเมือง แต่สำหรับบางเรื่องมันเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของระดับ “ขาใหญ่” ที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละฝ่าย ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง ที่สังคมรับรู้กันอยู่ว่าเกี่ยวพันกับครอบครัว “ชิดชอบ” ในบุรีรัมย์ ขณะเดียวกันก็มีกรณีที่น่าสนใจก็คือ “ที่ดินอัลไพน์” ที่มีรายงานข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว อ้างว่าเป็น “ธรณีสงฆ์” ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำให้ต้องมีการฟ้องร้องคัดค้านภายใน 90 วัน
ดังนั้นจะเห็นว่า ทั้งสองกรณีคือ ที่ดินเขากระโดง กับ กรณีของ “ที่ดินอัลไพน์” น่าจะเป็นเรื่องร้อนล่าสุดที่อาจเป็นชนวนขัดแย้งกันระหว่างสองพรรคหลักในรัฐบาลคือ เพื่อไทยกับ ภูมิใจไทย จนอาจถึงขั้นแตกหักได้เร็วขึ้นก็เป็นไปได้สูงทีเดียว
แม้ว่าสำหรับที่ดินเขากระโดง ระดับแกนนำทั้งสองฝ่าย จะพูดจาพยายามลดโทนไม่ให้มีปัญหา แต่หากจับท่าทีแล้วถือว่าต่างก็เดินหน้ากันเต็มกำลัง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคเพื่อไทยว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกเรื่องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูรายละเอียด เนื่องจากยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าความเป็นจริงหรือทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลง อะไรนอกเหนือจากนั้นได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีข้อพิพาทเขากระโดงกับการรถไฟ(รฟท.) ที่ล่าสุดกรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนโฉนดเขากระโดง โดยอ้างว่าไม่ใช่ที่ของรฟท. แต่ตอนนี้เริ่มมีนักวิชาการออกมาพูดว่าคำสั่งทางปกครองของของกรมที่ดิน ใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกา และขัดกันชัดเจนซึ่ง คำสั่งศาลฎีกา ในประเทศไทยถือว่าเป็นศาลสูงสุด ถ้าจะเปลี่ยนคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ต้องให้ศาลฎีกาเปลี่ยนคำวินิจฉัย จะไม่มีใครใหญ่กว่าคำพิพากษาศาลฎีกาได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องของคณะกรรมการฯก็ต้องไปตรวจสอบดู แม้แต่ศาลปกครองก่อนที่จะไปถึงตามมาตรา 66 ชี้ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นที่ดินของรัฐอยู่แล้ว เราต้องอยู่ในหลักนิติธรรม หลักนิติธรรมต้องมีข้อยุติ เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดคือศาลฎีกา ก็ต้องยุติตามนั้น
“เรื่องนี้ไม่ใช่ศาลฎีกาอย่างเดียว กฤษฎีกาก็วินิจฉัยแล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ก็วินิจฉัยแล้ว ก็ถือว่าสิ้นสุด ที่สำคัญมีการบังคับคดีและยึดที่คืน โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดิน 5,083 ไร่ เป็นที่ดินของการรถไฟ ก็เป็นเรื่องของการรถไฟที่ต้องดำเนินการต่อไป”
รวมไปถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ดูแลการรถไฟฯก็ยืนยันเช่นกันว่า จะไม่ยอมเสียที่ดินของการรถไฟแม้แต่ตารางวาเดียว โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้ทำหนังสือยื่นไปยังกรมที่ดิน เพื่อคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดินตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง ซึ่งในข้อกฎหมายระบุว่า ต้องยื่นภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) จึงดำเนินการส่งไปเรียบร้อยแล้ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ ผลสรุปกรมที่ดิน ในกรณีที่ที่ดินเขากระโดง ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฏหมาย ตนเข้ามาที่กระทรวงมหาดไทย รู้จักทุกฝ่าย แต่สิ่งที่ตนได้บอกกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด ว่าให้ว่ากันตามเนื้อผ้า ว่ากันตามกฎหมาย และกฎระเบียบ ตนไม่มีแทรกแซง ไม่มีความกดดันใดใด นี่คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ หากจะเอาให้ ชัดเจน ต้องไปถามคนที่ทำเรื่องนี้ ว่ามีแรงกดดันอะไรลงไปหรือเปล่า
เมื่อถามว่า คำแถลงของกรมที่ดิน ที่ระบุว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ใช่เป็นการฟอกขาวใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่า กรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ซึ่งมีคำสั่งของศาลปกครอง ให้ร่วมกันตั้ง กับทางการรถไฟแต่คณะกรรมการชุดนี้ตั้งเมื่อเดือนพ.ค.66 ขณะนั้นตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อยู่ ตนคงมาสั่งการอะไรในกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ และไม่ว่าผลการตัดสินนั้นจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ไม่มีช่องไหนที่จะมาบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามารถเพิกถอน หรือไม่เพิกถอน เพราะไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีเรื่องมันจบที่กรม จบที่คำสั่งศาล หากใครมีประเด็นก็ไปฟ้องศาล พื้นที่เขากระโดงมีพื้นที่ 5 พัน กว่าไร่ เท่าที่ตนทราบตระกูลชิดชอบ มีอยู่ 300 ไร่ แล้วอีก 4700 ไร่ จะผิดแค่ 300 ไร่ได้อย่างไร หากเป็นอย่างนั้นก็ไปพิสูจน์เอา ไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่อำนาจในการเพิกถอนหรืออนุญาต อยากจะยุ่งก็ยุ่งไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ
ขณะเดียวกัน มีการยืนยันมาจาก นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมที่ดิน ย้ำว่า ไม่มีการเพิกถอนที่ดินดังกล่าวอย่างแน่นอน และเห็นว่า “เรื่องนี้จบไปแล้ว”
ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้วทั้งสองเรื่องที่ว่านี้ก็ถือว่าเป็น “เรื่องหลัก” ของแต่ละฝ่าย ที่ถอยไม่ได้ เพราะมีระดับ “ขาใหญ่” มีอิทธิพลสูงค้ำอยู่ข้างหลัง ถึงได้บอกว่า งานนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกันแบบไม่ธรรมดา แม้ว่านาทีนี้อาจยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายต้องแตกหักกันอย่างฉับพลัน แต่ก็เหมือนกับว่ามี “ความเครียดสะสม” เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงวันที่ทนกันไม่ได้นั่นแหละ !!