เมืองไทย 360 องศา
ถือว่าโหมโรงก่อนถึงโค้งสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่24พฤศจิกายน แม้ว่ายังเหลือเวลาราวสามสัปดาห์ก็ตาม แต่เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวและกำหนดการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละคน ที่มีพรรคใหญ่หนุนหลังแล้ว ถือว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะยังส่งผลไปถึงสนามใหญ่ในวันข้างหน้าอีกด้วย ที่พวกเขาจะต้องแข่งขันกัน
การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีดังกล่าวเป็นการแข่งขันกันระหว่างสองพรรค คือ พรรคประชาชน กับพรรคเพื่อไทย ที่ถือว่ามีการส่งคนลงสมัครในฐานะตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ โดยฝ่ายแรก คือนายคณิศร คุริรัง ส่วนพรรคเพื่อไทย ส่ง นายศราวุธเพชรพนมพร ลงสมัคร
ที่ต้องบอกว่าการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรฯมีความสำคัญ มีผลต่อพื้นที่ฐานเสียงในภาคอีสาน ที่ทั้งสองพรรคต่างต้องการแย่งชิงเพื่อรองรับสนามเลือกตั้งใหญ่ สส.ในสมัยหน้า และจังหวัดอุดรธานีถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่ หากสามารถปักธง หรือยังสามารถรักษาพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ได้ก็ถือว่าสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง และแม้ว่าเป็นระดับท้องถิ่นแต่เมื่อมองเป็นภาพใหญ่แล้วรับรองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
สำหรับพรรคเพื่อไทยนั้นยิ่งต้องรักษาที่มั่นตรงนี้เอาไว้ให้ได้เพราะรับรู้กันดีว่า อุดรธานีถือว่าเป็น “เมืองหลวง” ทางการเมืองของพวกเขา และเคยเป็นพื้นที่อิทธิพลของ “คนเสื้อแดง”มาก่อน และในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ยังสามารถกวาด สส.มาได้ถึง 7 คน ที่เหลือเป็นของพรรคไทยสร้างไทย 2 คน และอีก 1 คน เป็นของพรรคประชาชน(ก้าวไกล) และหากพิจารณากันในรายละเอียด ใน 9 คน ล้วนมาจากฐานเสียงเดียวกัน หลังจากพรรคไทยสร้างไทยแยกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย แต่เอาเป็นว่า มองในภาพรวมแล้ว ยังถือว่าพรรคเพื่อไทยยังกุมที่มั่นส่วนใหญ่เอาไว้ได้แต่ก็มีสัญญาณให้เห็นว่ามีอาการ “เสื่อมถอย”อย่างชัดเจน เพราะถูกแย่งเก้าอี้ไปไม่น้อย
นั่นคือ ภาพรวมๆ ที่ต้องชี้ให้เห็นว่า พื้นที่จังหวัดอุดรธานีสำคัญเพียงใดในทางการเมือง โดยเฉพาะกับทั้งสองพรรค คือ ประชาชน กับเพื่อไทยและหากสำรวจพรรคประชาชนแล้ว ในพื้นที่ภาคอีสานที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่พวกเขาต้องการมาแย่งชิง ซึ่งในการเลือกตั้งคราวที่แล้วก็สามารถคว้ามาได้หลายที่นั่งแบบผิดคาด โดยเฉพาะในเขตเมืองมักจะได้รับชัยชนะ ในจังหวัดอุดรฯ เขต 1 ก็เช่นเดียวกันที่เป็นของพรรคประชาชน
แม้ว่าในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา พรรคประชาชนยังไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจ สร้างความสั่นสะเทือนได้พอสมควร เหมือนกับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรฯเที่ยวนี้ที่ทั้งสองพรรคต่างส่งตัวแทนลงสมัคร มีการขับเคี่ยวกันอย่างร้อนแรง มีการระดมสรรพกำลังลงไป ที่น่าจับก็คือ การเคลื่อนไหวในระดับแกนนำของทั้งสองพรรคลงไปช่วยเหลือในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง ทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร ที่ลงไปช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 13-14 พฤศจิกายน นี้ขณะที่พรรคก้าวไกลก็ขนระดับแกนนำ ทั้งเก่าและใหม่ลงไปอย่างเต็มที่
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการลงพื้นที่จ.อุดรธานีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกพรรค เพื่อไทย คิดว่าการหาเสียงเป็นเรื่องที่สมาชิกพรรคควรมีส่วนในการช่วยกันรณรงค์แต่ยังไม่ทราบว่าจะมีท่านใดไปช่วยหาเสียงบ้าง ซึ่งการช่วยหาเสียงมีรายละเอียดที่กำ หนดไว้เช่น ต้องเป็นผู้ช่วยหาเสียง ดังนั้น ส่วนหนึ่งคงเป็นการไปให้กำลังใจ เพราะผู้สมัครนายก อบจ. เคยเป็นอดีต สส.พรรคเพื่อไทยหลายสมัย และเป็นที่รู้จักดีในเขตจังหวัดอุดรธานี
ถามว่า การที่นายทักษิณลงพื้นที่เอง ถือเป็นการรุกหนักในสนามท้อง ถิ่นพื้นที่ภาคอีสานหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า นายทักษิณ มีความคุ้นเคยกับพี่น้องประชาชนในเขต จ.อุดรธานี ท่านคงอยากไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นจังหวัดที่ท่านคุ้นเคยอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ ออกหน้าเองแบบนี้การเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานีต้องชนะอย่างเดียวใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจะตัดสิน พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครก็หวังชัยชนะ เนื่องจากอุดรธานีในส่วนของนายก อบจ.เป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน มีรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชน กรณีการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีมีการสับเปลี่ยนแกนนำ พรรคและผู้ช่วยหาเสียงลงพื้นที่ เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง แต่ในครั้งนี้พรรคประชาชนได้จัดทัพนักการเมืองและอดีตนักการเมืองมาหาเสียงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายอย่างเต็มที่
โดยในวันที่15-17 พฤศจิกายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ถึงกับต้องบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยหาเสียงในโค้งสุดท้าย
เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายแล้ว ทำให้มองเห็นภาพได้ไม่ยากว่า นี่คือการแข่งขันที่ดุเดือด เพราะถือว่าเป็นพื้นที่สำคัญ เป็นยุทธศาสตร์หลัก โดยพรรคประชาชนต้องการรุกคืบเข้ามา หากสามารถชนะการเลือกตั้งคราวนี้แม้จะเป็นระดับท้องถิ่น แต่ก็เป็นฐานเสียงสำคัญในภาค อีสานเพื่อรองรับการเลือกตั้งใหญ่ในสมัยหน้า
ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ต้องทุ่มเทเต็มที่ เพื่อรักษาพื้นที่เอาไว้ให้ได้เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ จังหวัดอุดรธานีพวกเขาเคยครอบครองมาอย่างเบ็ดเสร็จมานานหลายปีจนเรียกว่าเป็น “เมืองหลวง” ทางการเมือง และสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญจะเห็นได้จากการลงพื้นที่ของ นายทักษิณ ชินวัตร ถือว่าให้ความสำคัญ
แน่นอนว่าการมาของ นายทักษิณ ชินวัตร คราวนี้ย่อมเป็นงานใหญ่ต้องทุ่มเทสรรพกำลังเท่าที่มีลงมาด้วย แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเมื่อเต็มที่แบบนี้แล้ว หากยังพลาดอีก ก็ต้องถือว่าเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น สำหรับเขาและพรรคเพื่อไทยก็ย่อมมีเดิมพันสูง แพ้ไม่ได้!!.