xs
xsm
sm
md
lg

"อัจฉริยะ" เชื่อ "ทนายตั้ม" ไม่ได้ประกันตัว เหตุเป็นคดีร้ายแรงความเสียหายสูง แฉให้ "น้องมี่" เบิกเงิน 39 ล้าน "ตั้ม" เอาไป 29 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"อัจริยะ" มั่นใจ "ทนายตั้ม" ไม่ได้ประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรงมูลค่าความเสียหายสูง แฉปม 39 ล้าน "ตั้ม" ให้ "น้องมี่" ไปเบิก ตัวเองเอาไป 29 ล้าน บทสรุปสุดท้ายคือไม่รอด มอง “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” สิ่งที่ทนายตั้มทำต้องได้รับกรรม เผยเคยพูดตอนที่จับมือกัน “ไม่ว่ามึงหรือกู ภายภาคหน้าหากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับสภาพให้ได้”

วันนี้ (7 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และภรรยาถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน โดยตำรวจจับกุมตัวได้ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ว่า ตนมั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้เพราะพฤติกรรมของทนายตั้มร้ายแรง และมียอดมูลค่าความเสียหายสูง โดยพฤติกรรมของทนายตั้มเป็นผู้ที่รู้กฎหมายแต่ทำตัวเป็นโจร / ตนเอง ต่อสู้กับทนายตั้มมาถึงหกปีรู้พฤติกรรมดีว่าเป็นคนอย่างไร พฤติกรรมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมาดามอ้อยเท่านั้น แต่ทำพฤติกรรมแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

นายอัจฉริยะยังยืนยันว่าเงินจำนวน 39 ล้านบาท “น้องมี่” เป็นคนไปเบิกเงินจำนวนนี้มาให้กับทนายตั้ม และทนายตั้มได้ไปทั้งหมด 29 ล้านบาท ส่วน“นายนุ” ได้ไป 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าออกแบบโรงแรมที่กินหัวคิวมาดามอ้อยด้วย ลักษณะเหมือนต้มตุ๋น เพราะจำนวนเงินค่าออกแบบโรงแรมแจ้งว่า 9,000,000 บาท แต่จำนวนจริงเพียง 3,500,000 บาทเท่านั้น โดย“น้องมี่” รู้รายละเอียดในเรื่องนี้ดี ซึ่งตำรวจกันเป็นพยานแล้ว

นายอัจริยะ ยังบอกต่อว่า กรณีหมายจับของทนายตั้มที่ออกมา ทางตำรวจกองปราบได้ส่งชุดไปเฝ้าที่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งตัวทนายตั้ม ก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกออกหมายจับพยายามวิ่งเต้นไปหาผู้ใหญ่หลายๆ คนเพื่อให้เคลียร์ให้แต่ไม่มีใครที่จะช่วยทนายตั้มแล้ว ส่วนตัวยังมั่นใจว่าวันนี้หากทนายตั้มถูกจับแล้วจะไม่ได้รับการปล่อยตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์ร้ายแรง มีมูลค่าความเสียหายสูง มีความเสี่ยง ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และการไปปรากฏตัวที่กองปราบก่อนหน้านี้ตนเคยพูดแล้วว่าไม่มีผล เพราะศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ในคดี และการที่เค้าไปแถลงข่าวที่หน้ากองบังคับการปราบปรามมีผลร้ายกับเขามากขึ้น ที่ไปให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจไปคุกคามและตำรวจไปอุ้มพยานมาสอบ ซึ่งการไปให้สัมภาษณ์ลักษณะนี้เป็นเหมือนแทรกแซงการทำงานของตำรวจ และเข้าข่ายเหมือนกับการไปข่มขู่พยาน หากได้รับการประกันตัวออกไป อาจจะไปข่มขู่มาดามอ้อย

ส่วนกรณีทนายเดชาที่ตีตัวออกห่างทนายตั้มแล้ว / นายอัจฉริยะ บอกว่า ตนได้ไปบอกกับทนายเดชาเองว่าไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นผู้ใหญ่ขออย่าไปพูดเลยจะเป็นการเปลืองตัว เพราะความเป็นจริงแล้วทนายตั้มเป็นผู้รับเงิน 29 ล้านบาท มีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายยืนยัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าที่เห็นภาพปรากฏก่อนหน้านี้ว่าไปคืนดีกับทนายตั้มสรุปแล้วข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอัจฉริยะบอกว่าการจับมือกันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่กรณีนี้เป็นเรื่องส่วนรวม ถ้าตนเองรู้แล้วไม่พูดเท่ากับเป็นการช่วยทนายตั้ม และเรื่องนี้ตนมองว่า“กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” สิ่งที่ทนายตั้มทำผิดกฏหมายต้องได้รับกรรม และตนเองเคยพูดแล้วตอนที่จับมือกัน “ไม่ว่ามึงหรือกู ในภายภาคหน้าหากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับสภาพให้ได้”

ส่วนใครจะมองว่าตนคบไม่ได้นั้น ไม่เป็นไรตนไม่สนใจเกรียนคีย์บอร์ด เพราะพวกเกรียนคีย์บอร์ดก็ด่าตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้วตั้งแต่ตอน“คดีครูจอมทรัพย์และคดีแตงโม”

นายอัจฉริยะ ยังย้ำอีกว่าเรื่องที่ทนายตั้มพูดเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของมาดามอ้อย ต้องแนะนำสิ่งดีดีให้กับลูกความ แต่สิ่งที่ทำกับมาดามอ้อยเป็นเรื่องหลอกลวงและแสวงหาผลประโยชน์ ด้วยความที่ไม่รู้กฎหมายจึงหลงเชื่อ ซึ่งทนายตั้มมีการวางแผนมาตั้งแต่ต้น ส่วนจะได้รับโทษเป็นระยะเวลากี่ปีนั้นนายอัจฉริยะตอบไม่ได้ เนื่องจากตัวเองไม่ใช่ศาลทนายตั้ม อาจจะต่อสู้จนหลุดคดีก็ได้ “ปกติเค้า เป็นนักวิ่ง 4 × 100 ขนาดคดีเอ็มมี่ยังวิ่งอัยการจนหลุดคดี คดีที่ 2 ก็หลุด ที่ผ่านๆมา คดีที่ถูกออกหมายจับก็ไม่เคยขึ้นศาล ทนายตั้มสามารถวิ่งเต้นเคลียร์กับอัยการได้ อัยการคนไหนตัวเองก็รู้ อสส. คนไหนที่วิ่งคดีหรือเป็นแบคอัพให้ทนายตั้มก็รู้“ นายอัจฉริยะ บอกต่อว่า สำหรับกรณีนี้ทนายตั้มจะไม่รอด แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะได้รับโทษกี่ปีเพราะไม่ใช่ศาล

ส่วนกรณีครั้งนี้ภรรยาภรรยาของทนายตั้มโทรออกหมายจับด้วยนั้น นายอัจฉริยะบอกว่าภรรยาของท่านตั้มเวลาไปไหนมาไหนก็ภรรยาตามไปด้วยทุกครั้ง ลักษณะทำกันเป็นขบวนการ โดยทนายตั้มเป็นผู้วางแผนและเมียเป็นผู้รับถ่ายโอนเงิน ให้เครือญาติ ให้รอดูได้เลยหลังจากนี้จะมีเรื่องรถยนต์หรูยี่ห้อ Ferrari ออกมาอีก มั่นใจว่านี่เป็นเพียงแค่ภาค 1 เท่านั้นหลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลภาค 2 ภาค 3 อีกต่อๆไป เพราะจำนวนเงินไม่ใช่เพียงเท่านี้ เนื่องจากมาดามอ้อยเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาโดนต้มมาตลอด

ส่วนที่วันนี้ทนายตั้มถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงินนั้น นายอัจฉริยะ บอกว่า คดีฉ้อโกง เป็นกิจธุระ มีมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน เพราะนำเงินที่ได้มาแปลงเป็นทรัพย์สินทั้งรถ ทั้งบ้าน นครปฐมนครปฐมพร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าหากทนายตั้มได้ติดคุกในเรือนจำสมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี มีนักโทษรอทนายตั้มอยู่เต็มไปหมด เนื่องจากหลายคนต้องถูกจำคุกเพราะทนายตั้ม เนื่องจากไปหลอกลวงว่าสามารถช่วยคดีได้

ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ยังเปิดประเด็นใหม่ ว่า ทนายตั้มมีคดีที่ 5 ซึ่งตัวเองมีพยานหลักฐานชัดเจน เป็นเรื่องค่าออกแบบ บ้านพักส่วนตัวของสามีมาดามอ้อยมูลค่า 3 ล้านบาท ที่จะเข้าข่ายเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร โดยไม่รู้ว่าจ่ายจำนวนจริงเป็นเงินเท่าไหร่

ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ 10.00 น. ตัวเองจะมีการเปิดเรื่องของทนายตั้มไปวิ่งเต้นปลอมแปลงเอกสารราชการเพื่อต่ออายุราชการ โดยมีข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ และหลังจากนี้ยืนยันว่าจะเปิดเรื่องของทนายตั้มเรื่อยๆ เพื่อให้สังคมเป็นผู้พิจารณา และยังมีเรื่องที่ทนายตั้มมีพฤติกรรมซื้อสำนวน ในคดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าลอตเตอรี่ไม่ใช่ของทั้งคู่

และเมื่อนายอัจฉริยะรับทราบว่าทนายตั้มถูกจับ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตำรวจเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วต่อให้หนีไปไหนก็ไม่มีทางรอด และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิด จะหนีทำไม นายอัจฉริยะ พูดติดตลกว่า ”กูก็ต้องเอาตัวรอดก่อนวะ อย่าลืมว่า เดี๋ยวนักข่าวไปรอที่กองปราบเป็นร้อย การถูกใส่โรเล็กซ์ฝั่งเพชร มันอาย“ ซึ่งทนายตั้มเคยถูกใส่กุญแจมือครั้งหนึ่ง จากที่ตนฟ้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ทำถูกใส่โรเล็กซ์ ซึ่งจากดูรูปคดีแล้วไม่รอด

ทั้งนี้ มั่นใจว่าคดีนี้จะถูกนำขึ้นสู่ศาล เพราะทีมกฎหมายเจ๊อ้อย เราเอาชุดเก่งเข้าไปเสริม ต้องขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้เป็นวันเกิดนายสนธิถือเป็นของขวัญวันเกิด และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ทีมทนายความบ้านพระอาทิตย์ ที่ผนึกกำลังกันในการเปิดโปงทนายต้ม ที่ลอยนวลในสังคมมา 6 ปี พร้อมขอบคุณสื่อมวลชน และ เพจต่างๆที่ช่วยกันขยี้ ยืนยันคดีนี้เคลียร์อัยการไม่ได้ เพราะมีหลักฐานมัดแน่น มีวัตถุพยานเป็นที่ประจักษ์ พร้อมยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหนุ่ม กรรชัย ที่ไปออกรายการโหนกระแส ยืนยันสื่อทุกคนทำหน้าที่สุจริต ไม่มีใครไปช่วยเหลือตั้ม ในอดีตตั้มคือแหล่งข่าว

อย่างไรก็ตามนายอัจฉริยะ ยังพูดถึงการคืนดีกับทนายตั้มและไปออกรายการด้วยกันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นี่เป็นเรื่องส่วนรวม ที่ตนทำวันนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เรื่องส่วนตัวเขากับตนมีการฟ้องกัน ตนถอดหมดแล้ว แต่เค้ายังไม่ถอน พร้อมบอกเหตุผลที่มีการกลับมาคืนดีกันว่า ตนไม่ใช่คนโง่ มาจับมือตนทำไม เพราะเขารู้ตัวอยู่ว่าจะโดนคดี และตนจะแฉ เพราะรู้ความลับเขามากที่สุด พร้อมบอกว่า ตนเป็นคนติดต่อตั้มเอง แต่ที่จับมือตนเพราะกลัวว่าตนจะแฉ


กำลังโหลดความคิดเห็น