ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “ทนายตั้ม” โผล่หัวชิงแก้ข้อกล่าวหา ยิ่งตอกย้ำ “โกหก”เป็น“ปกติธุระ”ขณะที่คดีคืบหน้ายิ่งมายิ่งหนัก!
หลังกบดานอยู่หลายวัน “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด โผล่ไปทำ “คอนเทนต์” ที่กองปราบปราม เมื่อวาน (5พ.ย.) เหมือนอ่านเกมว่า อีกไม่นานคงจะถูกหมายเรียก หรือ หมายจับ ในคดีฉ้อโกง “พี่อ้อย” จตุพร อุบลเลิศ จากตำรวจ เลยชิงจังหวะ ออกมาพูดแก้ข้อกล่าวหา-แสดงความบริสุทธิ์ใจ ผ่านไลฟ์สดออกสื่อ หวังว่าเคลื่อนไหวก่อนจะได้เปรียบ
ที่ไหนได้...คนคำนวณหรือจะสู้ชาวเน็ตที่รู้ทัน ทัวร์ลงฉ่ำ จับโกหกแต่ละประเด็น ที่ทนายดังเจื้อยแจ้ว
ใครที่ได้ดูไลฟ์สด ก็คงจะเห็นเป็นประจักษ์ว่า “ทนายตั้ม” วันนี้พูดอะไร ไม่มีใครเชื่อ
ความเห็นร้อยละเกือบร้อย เป็นไปในทางเดียวกัน ทนายคนนี้ “มรึงคิดว่ากรูแดรกหญ้าเรอะ”
พูดไปวนมา ยืนยันว่า 71 ล้าน ได้เงินพี่อ้อยมา “โดยเสน่หา” พยายามเฟ้นหาคำมาสนับสนุนให้คนเชื่อ เช่น “ เมื่อก่อนเคยเป็นที่รัก น้องรัก แต่เดี๋ยวนี้ไม่รักแล้ว” จึงนำมาสู่คดี เพียงพูดให้ฟังดูน่าสงสาร แต่ปรากฏว่า คนฟังเวทนามากกว่าเพราะไม่มีเหตุผล และไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?
ประเด็น 39 ล้านที่ “พี่อ้อย” ต้องจ่ายให้คนสนิท “ทนายตั้ม” เพราะสงสาร กรณีอ้างว่าช่วยเหลือพี่อ้อยจากการโอนเงินให้ดาราจีนชื่อดัง “เฉินคุน” ตัวปลอมจนถูกแก๊งสแกมเมอร์ ดูดเงินออกจากวอลเล็ต หมดตัว
“ษิทรา” พูดเรื่องจริงแค่เศษเสี้ยวที่เหลือก็มั่ว “มโนสตอรี่”ผสมเข้ามาเพื่อให้น้ำหนักของเรื่องนี้ตัวเองเป็น “ทนายพ่อพระ” มาช่วยดูเรื่องโอนเงิน หาคนที่เชี่ยวชาญคริปโตฯ มาช่วย ตั้งใจจะเซฟเงินให้พี่อ้อยลูกความถูกแก๊งหลอกลวงออนไลน์ไม่ได้มีเอี่ยวกับเงิน 39 ล้าน แต่อย่างใด
“ทนายตั้ม”ยังพูดถึงเรื่องงาบส่วนต่าง กรณีซื้อรถเบนซ์หรู 13 ล้าน ก็ข้างๆ คูๆ ไปว่า สามารถเช็กได้ว่า รถรุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ และ ไม่เคยไปให้จีนเทาเช่า
ตามด้วยปมเงิน 9 ล้าน ค่าออกแบบก่อสร้างโรงแรม จะเป็นการฉ้อโกงได้อย่างไร ในเมื่อตนเองรับงานมา ก็ทำใบเสนอราคา และส่งมอบงานทุกโครงการตามสัญญาครบถ้วน
อย่างที่บอกไป ใครดูไลฟ์สด ก็จะเห็นเป็นประจักษ์ ความเห็นรัวๆ ที่เข้ามาล้วนแต่มีคำถามในแต่ละประเด็นที่ “ทนายตั้ม” ยกขึ้นมาเอ่ยอ้าง
ฟังว่า วันเดียวกันนี้ ตำรวจเชิญ “พี่อ้อย” สอบปากคำเพิ่มเติมเป็นวันที่สี่
สัญญานตรงนี้ “ทนายตั้ม” เองก็น่าจะรู้แล้วว่าคดียิ่งมายิ่งหนัก ไม่ใช่อย่างที่ตัวเองและพวกพยายามปั่นกระแส
เกมที่ “ทนายจุ๊กกรู” เดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อนรัก ออกมาป่าวร้อง จุ๊กกรูๆ ให้ชาวโซเชียลฯ เชื่อว่า ตำรวจทำงานนาน สอบปากคำ “พี่อ้อย” ยาวนานต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นคงออกหมายเรียกนานแล้ว
แว่วว่า การทำงานของตำรวจ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ “ทนายตั้มและทนายจุ๊กกรู” แหกปาก เพราะ คืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานแน่นหนา
ขณะที่การขยายผลจากคดี “ฉ้อโกง” 71 ล้าน มีคดีเพิ่มอีกสองคดีทั้งคดี 39 ล้าน และซื้อรถเบนซ์ 13 ล้าน ที่ “พี่อ้อย”ผู้เสียหายได้แจ้งความเพิ่มเรียบร้อย และประเด็นการฉ้อโกงค่าออกแบบ 9 ล้าน กำลังตามมา
เรียกว่า 4 พฤติการณ์ที่ “ทนายตั้ม”ถูกเปิดโปง เป็นคดีแล้วสาม จากสี่
งานนี้สรุปว่า เป็นเรืองของการ “ฉ้อโกงปกติธุระ” หรือ “โกงโดยสันดาน” อันจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย “ฟอกเงิน”
นี่คือความจริงที่กำลังเป็นไป “ษิทราและเดชา” โปรดทราบไว้ด้วย... จุ๊กกรู !!
++ “ทวี”แน่ใจนะว่า “ทักษิณ” ไม่เคยออกจากห้องที่ รพ.ตำรวจ แม้แต่นาทีเดียว เริ่มออกตัวมาก็ดูเหมือนพูดไม่จริงซะแล้ว
กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยทิพย์ อยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรง ที่แม้แต่กระแส MOU44 และ เกาะกูด ก็ยังกลบไม่มิด
สัปดาห์นี้ บรรดาแฟนๆ ก็ยังคงมีลุ้นว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีมติรับเรื่องร้องเรียนของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ ที่ร้องเรียนเรื่องทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรม เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันฯ จากที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ จนเหลือโทษจำคุกแค่ 1 ปี แต่”ทักษิณ ก็ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ หลังจากที่ได้ทำเรื่องขอข้อมูล พยาน หลักฐาน จากอัยการสูงสุดมาเป็นเวลา 15 วันแล้ว
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย สปอตไลต์การเมืองก็จะฉายจับมาที่นี่ และจะเริ่มมีการเคานต์ดาวน์ กัน
ส่วนคำร้องที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ร้องต่อ ป.ป.ช. ให้เอาผิดกับ เจ้าหน้าที่เรือนจำกรุงเทพฯ กับ รพ.ตำรวจ ก็งวดเข้ามาทุกที
เพราะ กสม. ก็เชื่อว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำฯ กับเจ้าหน้าที่ รพ.ตำรวจ เลือกปฏิบัติกับ “ทักษิณ” ที่ป่วยทิพย์
ล่าสุดทาง ป.ป.ช. ได้ทวงถามเวชระเบียนรักษาตัวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ รพ.ตำรวจ ไปประกอบการพิจารณาชี้มูลความผิด
เหตุที่ต้องใช้คำว่า “ทวงถาม” เพราะนี่เป็นการขอไปเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ผู้รับผิดชอบก็ยังตีลูกมึน ไม่สนองตอบ
เรื่องนี้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะลูกสาวของทักษิณ บอกว่าทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการ หากตามกฎหมายให้เปิดเผยได้ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะต้องมีคณะกรรมการ ดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนตนเองจะไม่ได้เข้าไปแทรกแซงอะไร
ขณะที่ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า กรมราชทัณฑ์ ยินดีให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.เต็มที่ เพราะมีการสอบสวนหลายรอบ อาจจะมีเรื่องที่ร้องเข้ามาใหม่ ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งสื่อ สังคม อาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า เรือนจำ คือสถานที่คุมขัง คือเรือนจำ 437 แห่ง แต่ในกฎกระทรวง มีในกฎหมาย ว่า โรงพยาบาล ก็เป็นที่คุมขังอื่น อยู่ในเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่มีการแก้ในสมัย คสช. เพื่อลดปัญหาความแออัดในเรือนจำ
การที่ “ทักษิณ” อยู่ รพ.ตำรวจ จึงไม่ใช่ว่า ไม่ถูกคุมขัง
รมว.ยุติธรรม ยังบอกว่า การอยู่ที่ไหนก็ต้องมีหลักเกณฑ์ มีกฎหมายในทางปฏิบัติ ก็ต้องปฏิบัติให้เหมือนในเรือนจำ เชื่อว่ากรมราชทัณฑ์ จะส่งหลักฐานไปให้ป.ป.ช.ได้
"ท่านทักษิณ อยู่ครบ ไม่มีสักนาทีเดียว ที่ออกมาข้างนอก ท่านก็อยู่แต่ในโรงพยาบาล ไม่สามารถออกจากห้องได้” พ.ต.อ.ทวี ยืนยัน
เหมือนกับจะบอกว่า “ทักษิณ” ป่วยหนักจริงๆ จะออกนอกห้องแม้แต่นาทีเดียว ก็ยังออกมาไม่ได้
“พ.ต.อ.ทวี” คงลืมภาพ เมื่อช่วงเดือนต.ค.66 ที่ “ทักษิณ นอนอยู่บนเตียง แล้วมีเจ้าหน้าที่เข็นเตียงออกมาข้างนอก เพื่อไปทำ “ซีที สแกน” และ “เอ็มอาร์ไอ” ขณะเดียวกันก็มีเจตนาที่จะให้เป็นภาพเผยแพร่ออกไปว่า “ทักษิณ” ป่วยอยู่ที่รพ.ตำรวจจริง ไม่ใช่อยู่แต่ชื่อ ตัวไม่อยู่ ตามที่มีกระแสข่าวในช่วงนั้น
แหม ทั่นรมว.ยุติธรรม เริ่มออกตัวมาก็พูดไม่จริงซะแล้ว และต่อๆไปจะเชื่อได้ไหมเนี่ย!!