เมืองไทย 360 องศา
ช่วงเวลานี้ จะสังเกตเห็นว่า นายทักษิณ ชินวัตร เริ่มเก็บตัว สงบปากสงบคำมากขึ้น รวมไปถึงจะเห็นการเคลื่อนไหวของเขาน้อยลงไปมาก อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งทำให้มีคนวิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่เป็นแบบนี้ เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบเขา โดยเฉพาะจากหน่วยงานอิสระ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังงวดเข้ามาแล้ว
หลังจากก่อนหน้านี้ทางด้านองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีการเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ในลักษณะสองมาตรฐาน แบบใช้อภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังคนอื่น และตามรายงานข่าวบอกว่าทาง ป.ป.ช.ได้ขอเวชระเบียนของคนไข้ นายทักษิณ ไปที่โรงพยาบาลตำรวจถึงสามครั้ง แต่ยังไม่มีหนังสือตอบกลับมา จนทำให้มีการระบุว่า อาจจะมีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดังกล่าวที่เกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความว่า ป.ป.ช. เตรียมแจ้งความจับ ผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ฐานฝ่าฝืนไม่ยอมส่งเวชระเบียน การรักษาคนไข้ชั้น 14 โดยได้ขอแล้วถึง 3 ครั้ง ก็ไม่ยอมส่งมอบให้ แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการจะปกปิดการกระทำความผิด การกระทำแบบนี้ยิ่งกว่าส่อพิรุธ และยิ่งจะลากผู้ อื่นเข้ามา ติดร่างแหกันอีกจำนวนมากอย่างแน่นอน ที่สำคัญเรื่องนี้ ไม่มีการร้องขอให้นายกฯ มีคำสั่ง ให้สำนักงานตำรวจ จัดการส่งเวชระเบียนแล้ว เมื่อไม่มีการปฏิบัติความรับผิดจะไปตกอยู่กับนายกด้วย อย่าทำเป็นเล่นไป
พร้อมกันนี้ยัง ระบุอีกว่า พบเรื่องลับ มีการตรวจพบว่าหนังสือส่งตัวนักโทษที่ถูกหมายขังของศาลออก จากเรือนจำไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 นั้น ได้มีการเตรียมไว้ล่วงหน้า 2 วัน ก่อนที่จะมีการส่งตัว ดูท่า เจ้าหน้าที่ของเรือนจำอาจติดคุกกันระนาวเพราะเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ได้มีมตินัดประชุม วันที่ 7 พฤศจิกายน เวลา 09.30 น. โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือ พิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางในการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมกรณีกรมราชทัณฑ์ให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจกับการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
พร้อมระบุว่า ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลต่อกมธ. ได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ใหญ่ รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารรัตนวรพงษ์ อดีต รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ นายวัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผบ.รพ.ราชทัณฑ์ นส.รวมทิพย์ สุภานนท์ นพ.รพ.ราชทัณฑ์ วิชัย วงศ์ชนะภัยย ผช.เลขาแพทยสภา และ นายวาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ ฐานะประธาน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมประชุมด้วย
การเชิญบุคคลที่มีรายชื่อดังกล่าวมาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการฯถือว่า น่าสนใจมาก ทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส ที่ก่อนหน้านี้เคยเข้าเยี่ยม นายทักษิณ บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจถึงสองครั้ง มีข้อมูลเกี่ยวอยู่ในมือจำนวนมาก และถือว่าเป็นคนที่รู้ความลับของ นายทักษิณ ที่โรงพยาบาลมากกว่าใคร และก่อนหน้านั้นก็เคยให้ปากคำกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มาแล้วด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตาก็คือ พรรคประชาชน ที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่า ไม่ได้ตรวจสอบ ฝ่ายรัฐบาล และวางเฉยกับกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร มาตลอด จนถูกมองว่ามีข้อตกลงลับหรือ “ฮั้ว” กันระหว่างเจ้าของพรรค คือ นายทักษิณ กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยพบกันที่ฮ่องกง และจากนั้น นายธนาธร ก็ยอมรับว่าพบกันจริง และอ้างว่าไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่หากสังเกตบทบาทของพรรคประชาชนที่ผ่านมา ไม่เคยแตะต้องรัฐบาลแบบสมบทบาทฝ่ายค้าน หรือเรียกว่า “ชกไม่เคยเต็มหมัด”
แต่ล่าสุด ก็ได้เห็นท่าทีจริงจังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน เป็นประธาน ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลในการประชุมวันที่ 7 พฤศจิกายน นี้ ทำให้ต้องจับตาอีกว่าจะมีรายการ “ปาหี่” หรือไม่
แต่หากพิจารณาจากปฏิกิริยาของสังคม ที่มองผ่านผลสำรวจที่ออกมา กลับไม่ให้น้ำหนักการทำหน้าที่ในบทบาทฝ่ายค้านของพรรคประชาชนเท่าใดนัก และเห็นว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก ดังนั้นก็ต้องรอดูกันว่าจะ “เอาจริง” หรือไม่
อย่างไรก็ดี ก็มีเสียงเตือนออกมา จาก นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่เวลานี้เป็นนักเคลื่อนไหวสังเกตการณ์ทางการเมือง ในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ตรง ในเรื่องนักโทษป่วยต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงขอแนะนำให้นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ดำเนินการนอกจากจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลแล้ว อยากให้เรียกสมุดบันทึกสีน้ำเงินเล่มใหญ่ ที่มีการบันทึกการตรวจผู้ป่วยของเวรตรวจประจำวันทุกวัน ที่ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาการเรือนจำ
พร้อมกับการถ่ายรูปผู้ป่วยที่เป็นนักโทษติดกุญแจโซ่ตรวนที่ขากับเตียงนอน ส่งรายงานทาง แอพพลิเคชั่นไลน์ ถึงผู้บัญชาการเรือนจำทุกวันเช่นกัน ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ และมีใครได้เข้าเยี่ยมในแต่ละวันบ้างหรือไม่ เพราะหลักฐานจากทีวีวงจรปิดของโรงพยาบาลตำรวจที่อ้างว่าเสีย จึงไม่สามารถนำมายืนยันได้ จึงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากเอกสารสมุดบันทึก และรายงานจากแอพพลิเคชั่นไลน์แทน ถ้าไม่มีหลักฐานชิ้นนี้ สามารถสันนิษฐานได้เลยว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้น
ขอให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ได้สอบสวนและค้นหาความจริงเกี่ยวกับนายทักษิณให้กับสังคมได้รับรู้ ขออย่าเป็น“มวยล้มต้มคนดู”ก็แล้วกัน
แน่นอนว่า เมื่อเห็นความเคลื่อนไหว ที่ดูแล้วเป็นความคืบหน้าแบบ “กระชับวงล้อม” เข้ามาให้แคบลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการตรวจสอบขององค์กรอิสระอย่าง ปปช. ที่สามารถเรียกเอกสารบันทึกของหน่วยงานราชการ และการเชิญพยานสำคัญมาให้ปากคำ ให้ข้อมูลบนชั้น 14 ทำให้เริ่มเห็นเค้าลางการ “ป่วยทิพย์” มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร มีความเสี่ยงที่จะกลับเข้าคุกอีกครั้งในเร็วๆนี้ รวมไปถึงอีกหลายคนที่ต้องติดร่างแหไปด้วยก็เป็นไปได้สูง !!