ข่าวปนคน คนนปนข่าว
++ "ตั้ม"หายหัว รอ "เรียก"หรือ"จับ" ฉ้อโกง “ปกติธุระ” แถมเงาจอมแฉ "ชูวิทย์"ตามหลอน เขี่ยปมเว็บพนัน!?
อีกอึดใจเชื่อว่าข่าวที่ทุกคนตั้งตารอคอยจะมาในไม่ช้าอย่างแน่นอน
ขณะที่ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด หลบลี้หนีหน้าสังคม ฟังว่าตำรวจสอบปากคำ "พี่อ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหายที่แจ้งความดำเนินคดี "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง อย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ ( 3พ.ย.) เป็นวันที่ 3 แล้ว
รวมๆ ที่ผ่านมา สอบ "พี่อ้อย" 3วัน ก็เกือบๆจะ23 ชั่วโมง เรียกว่า เก็บทุกประเด็น ทุกรายละเอียดที่ไม่เฉพาะแต่ "ฉ้อโกง" 71 ล้าน ยังมีพฤติการณ์ที่ทนายดัง ทำกับผู้เสียหายในประเด็นอื่นๆ อันจะนำไปสู่การสรุปว่า "ษิทรา" ฉ้อโกงอย่าง "ปกติธุระ" โกงแล้วโกงอีก ในหลายๆ เรื่องนั่นเอง
ถึงวันนี้ “ทนายตั้ม”น่าจะรอลุ้นว่าตัวเองจะโดน "หมายเรียก" หรือ "หมายจับ"!!
นี่ความจริง ถ้า “ษิทรา” เกาะติดสถานการณ์คดีตัวเองอย่างใกล้ชิด คงพอรู้ว่า "คณะทำงาน" ของสอบสวนกลางทำงานกันยังไง ที่เห็นๆ กันมีทั้งละเอียดและรอบคอบ ก็แทบไม่ต้องลุ้นจะถูกเรียก หรือจับมา!
นอกจากเตรียมตัวแก้ต่างคดี "ฉ้อโกงปกติธุระ" ของพี่อ้อย เรื่องที่ทนายตั้มจะต้องลุ้นยังมีอีกเยอะ
กรณี"ตบทรัพย์" ดิไอคอน 7.5 ล้าน ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องนั่นไง
หลังจาก "ทนายบอสพอล" เข้าร้องเรียนให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เอาเรื่อง "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานเเก้ว รอง ผบช.ก. กำลังพิจารณาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานและคาดว่าคงจะเรียกสอบปากคำ “ทนายตั้ม”และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
เรียกว่า จากนี้ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” จะมะรุมมะตุ้ม รุมเรียกแน่ๆ
เข้าทำนองก่อวรีกรรมทำกับใครที่ไหนไว้ ทุกอย่างก็ถาโถมเข้ามา เจ้าทุกข์เรียงหน้ากระดานเข้าหา
รวมทั้ง "โจทก์เก่า" อย่าง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ที่อยู่ระหว่างพักรักษาโรคร้ายที่อังกฤษ จู่ๆ ก็มีข่าวจะบินกลับมาไทย
ข่าวที่ว่าเป็น"นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" อดีต สส.พัทลุง โพสต์ลงเฟซบุ๊กบอกว่า "ชูวิทย์" เตรียมเดินทางกลับบ้านเมืองไทยแล้ว
ทว่า ข่าวแพร่สะพัดออกไปไม่นานก็มี "คนใกล้ชิด" ออกมาพูดแทน “ชูวิทย์” ว่า ที่ไลน์คุยกับ นิพิฏฐ์ เป็นการพูดคุยว่ามีแผนจะกลับมาไทยเท่านั้น เพราะมีธุระต้องจัดการ แต่ไม่ได้กลับมาคัมแบ็กวงการอะไร ยังคงต้องรักษาตัวต่อเนื่อง ขออนุญาตไม่ออกมาพูด หรือคอมเมนต์ ประเด็นทางสังคมอะไร
แม้ว่า “ชูวิทย์” จะยังไม่กลับ และจะไม่พูดอะไรในสังคม แต่ในโลกโซเชียลฯ ก็ย้อนไปนึกถึงเรื่องที่เชื่อมโยงกันของ “ชูวิทย์และทนายตั้ม”
ชาวเน็ตบางส่วน ถึงก็บอกว่า “ชูวิทย์” ผู้มาก่อนกาล เพราะเรื่องที่อดีตนักแฉออกมาแฉทนายคนนี้ มีมากกว่าการ "ฉ้อโกง"
ชาวเน็ตนี่ก็ช่างกระไร อุตสาห์ไปขุดย้อนเรื่องช่วงที่ “ชูวิทย์” เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับ “ทนายตั้ม ที่เกี่ยวข้องกับ"พนันออนไลน์" เอามาฉายซ้ำ!
ครั้งนั้น ชูวิทย์ โพสต์ระบุว่า...
“ทนายคนดี ชอบแถลงข่าวช่วยประชาชน รวยแค่ข้ามคืน จนคนสงสัยไปทั่ว ทำไมรวยเร็วจัง ที่แท้เบื้องหลังทำพนันออนไลน์ หุ้นกับเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ตัวเตี้ยๆ อายุประมาณ 50 ปี ชื่อเว็บ เฮงเกม มีญาติชื่อ แจ็ค ดูแลเว็บ มิน่าเล่า ว่าความให้แก่ตาย ไม่มีทางได้นาฬิกาปาเต๊ะเป็นถาด เสื้อตัวละแสน รถปอร์เช่ คนที่รู้ดีคือตำรวจใหญ่ฉายา “เทพจ.” ที่ต้องหลับตาลงบ้าง เพราะใช้งานสนิทกันอยู่”
ว่ากันว่า โพสต์ดังกล่าว นำมาสู่การฟ้องร้องกันระหว่าง “ทนายตั้ม” กับ “ชูวิทย์” ก่อนที่ชูวิทย์จะป่วยหนัก และ มีการถอนฟ้องกันในเวลาต่อมา
พอมีข่าว “ชูวิทย์” จะกลับมา เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอน เหล่านักสืบโซเชียลฯ ย่อมจะมีคนตามล่าหาความจริงมาตีแผ่อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ไม่ต้องแปลกใจไป ถ้ามีข่าวแว่วๆ มา ทนายคนดีย์ ช่วงนี้จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงกับไม่ได้เข้าคฤหาสน์หรู มาหลายวัน
++ “นายกฯอิ๊งค์” เรียกถกพรรคร่วม ดับกระแสร้อน แก้ รธน.- เกาะกูด
จากที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิก “เอ็มโอยู44” ด้วยเกรงกันว่า อาจทำให้ไทยเสีย “เกาะกูด” หากมีการเคลียร์ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล รวมถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีแนวโน้มว่าจะเสร็จไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ และต้องใช้รัฐธรรมนูญเดิม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร จึงได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด มาหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาล ในบ่าย วันนี้ (4พ.ย.)
เรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล และที่มีแนวโน้มว่าจะมีความล่าช้า เนื่องจากมีเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ร่างกฎหมายฉบับเดิม ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯ ด้วยมติเอกฉันท์นั้น กำหนดให้การออกเสียงประชามติ ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว คือ เกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ ก็ใช้ได้แล้ว
แต่เมื่อมาถึงการพิจารณาของวุฒิสภา ก็ได้มีการพลิกมติของสภาผู้แทนฯ โดยแก้กฎหมายประชามติ ให้กลับไปใช้เกณฑ์ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ในการแก้กฎหมายสำคัญ อย่างรัฐธรรมนูญ
คือนอกจากได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิแล้ว ผู้ออกมาใช้สิทธิต้องเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงด้วย จึงจะถือว่าประชามตินั้นมีผล
ตรงจุดนี้เอง ที่ทำให้การพิจารณา ร่างกฎหมายต้องยืดเยื้อออกไป และกระทบไปถึงไทม์ไลน์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เกมนี้มองว่าเป็นการยื้อกันเองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า สว.ส่วนใหญ่นั้น เป็น “สว.สีน้ำเงิน” ที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับ พรรคภูมิใจไทย
เพื่อแก้เกมนี้ จึงมีข้อเสนอจาก “ประยุทธ์ ศิริพานิชย์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้ปรับลดหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น จากเดิมที่จำนวนผู้มาออกเสียงประชามติต้องถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ขอให้ลดลงมาเหลือ 20-30 เปอร์เซ็นต์ และการทำประชามติ ก็ควรลดจาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้งก็พอ
ทั้งนี้ การทำประชามติเพื่อแก้ไขรธน. แต่เดิมกำหนดไว้ 3 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 เห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่... ครั้งที่ 2 เป็นการทำประชามติในขั้นตอนการ ร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติม ม.256) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการจัดทำรธน.ฉบับใหม่ และ ครั้งที่ 3 ทำประชามติ เมื่อร่าง รธน. ฉบับใหม่เสร็จแล้ว ว่าประชาชนจะเห็นชอบหรือไม่
เพื่อประหยัดเวลา และงบประมาณ จึงขอลดเหลือ 2 ครั้ง คือ ประชามติก่อนจัดทำร่างรธน.ใหม่ และ ประชามติหลังร่าง รธน.ใหม่เสร็จแล้ว
ดังนั้น “นายกฯอิ๊งค์” จึงต้องเชิญพรรคร่วมมาหารือ หาข้อยุติกันก่อน ที่จะถึงกำหนดวันประชุมคณะกรรมาธิการร่วมสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาในวันที่ 6 พ.ย.นี้
แต่แนวโน้ม ที่จะลดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ เหลือ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ของผู้มีสิทธินั้น คงยาก
และถ้าต่างฝ่ายต่างยืนยันในจุดยืนตัวเอง ก็อาจจะต้องพักร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้ 180 วัน เพื่อยืนยันเนื้อหาตามร่างเดิมของ สส. ที่ให้ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว
สำหรับเรื่อง “เอ็มโอยู44” และปัญหา “เกาะกูด” นั้น ขณะนี้กระแสกำลังร้อนแรง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า “เกาะกูด” เป็นของไทย แต่ ผลจาก “เอ็มโอยู 44” ที่กัมพูชาขีดเส้นเองจนทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนเป็นบริเวณกว้างนั้น อาจส่งผลให้ไทยต้องเสียดินแดนได้ จึงมีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิก “เอ็มโอยู 44”
แต่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม กลับออกมากล่าวหาว่า ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิก MOU 2544 ว่าเป็นพวก “คลั่งชาติ” จึงมีคำถามโต้ตอบกลับไปยังรัฐบาลว่า กำลัง “ขายชาติ” อยู่หรือไม่!?
กระแสที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ ความไม่ไว้ใจรัฐบาล ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นเงาทาบทับอยู่ และไม่ไว้ใจ กัมพูชา ที่ มี“ฮุนเซน” อยู่เบื้องหลัง
ดังนั้น “พิชิต ไชยมงคล” แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จึงได้นัดประชาชน ออกมาร่วมแสดงพลัง ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ในวันอังคารที่ 5 พ.ย.นี้ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ... คัดค้านผลประโยชน์ทับซ้อน หยุดเจรจาผลประโยชน์ก่อนเขตแดน...
ต้องติดตามว่า วงหารือของพรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ จะมีบทสรุปอย่างไร ต่อสองประเด็นร้อนนี้