สภาองค์กรผู้บริโภค นำทีมเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากผังเมืองรวมกรุงเทพฯ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 อัดยับกทม.จัดรับฟังความคิดเห็นแค่พิธีกรรม ไร้การมีส่วนร่วมของปชช.อย่างแท้จริง ซ้ำละเมิดสิทธิผู้ได้รับผลกระทบ ล่ารายชื่อเตรียมยื่นกสม.สอบ 6 พ.ย.นี้ “อรรถวิชช์” ขู่ไม่คืนผังรับน้ำคู้บอน 8 แสนล้านลูกบาศก์เมตรเจอร้องป.ป.ช.แน่
วันนี้(2พ.ย.)สภาองค์กรของผู้บริโภคได้จัดเวทีเสวนา"เมืองที่เป็นธรรม" (Justice City) กรณี "การวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4)กับการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน"เนื่องจากหลังกรุงเทพมหานครปิดรับฟังความคิดเห็น “ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่4) เมื่อเดือนส.ค.67 ที่ผ่านมาและเตรียมประกาศให้ประชาชนคัดค้านใน 90 วัน แต่พบว่ารายละเอียดของผังเมืองยังมีผลกระทบกับประชาชน ด้วยมีขยายถนนมากถึง 148 เส้น และคลองอีก 200 คลอง ซึ่งประชาชนยังขาดการรับรู้และมีส่วนร่วมที่แท้จริง โดยการเสวนามีเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมรับฟังและร่วมลงชื่อคัดค้านเพื่อยื่นให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนตรวจสอบการละเมิดสิทธิในวันพุธที่ 6 พ.ย.นี้
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคได้ติดตามการร่างผังเมืองรวมฯ ดังกล่าวพบว่ามีปัญหาหลายประเด็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ เช่น เรื่องของน้ำท่วม ความแออัด และสภาพจราจร เนื่องจากกรุงเทพฯมีประชากรเกือบ 5 ล้านคน การอยู่อาศัยร่วมกันจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกคนมีสิทธิที่จะมีส่วนนร่วมในการออกความคิดเห็น ดังนั้นการร่างผังเมืองรวมฯต้องให้ประชาชนมีสิทธิ และมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็น อีกทั้งรัฐธรรมนูญกำหนดว่าการจัดทำผังเมือง จะต้องมีการจัดรับฟังความคิดเห็นและแสดงให้เห็นถึงผลกระทบกับประชาชนอย่างละเอียดชัดเจน แต่ที่ผ่านมากทม.ดำเนินการโดยไม่มีการให้รายละเอียดผลกระทบและการสร้างการมีส่วนร่วมก็เป็นเพียงพิธีกรรมไม่ได้สร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
“สภาผู้บริโภคจึงจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พบว่าในหลายพื้นที่ยังมีความเป็นห่วงและข้อกังวลของประชาชนว่าการร่างผังเมืองรวมของกรุงเทพมหานครยังไม่ดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยผังเมืองในปี 2562 ที่กำหนดเรื่องการมีส่วนร่วม ที่ผ่านมาเราทำหนังสือไปที่กทม.ให้ทบทวนและจัดทำร่างผังเมืองใหม่ โดยเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่ กทม.ไม่ทำ แต่จัดรับฟังความเห็นแบบพิธีกรรม เป็นเหตุให้เนื้อหาของผังเมืองรวมไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากร่างผังเมืองเดิม และพบว่ากระทบสิทธิของประชาชน ดังนั้นหากปล่อยให้ดำเนินการต่อไปทำให้สิทธิของประชาชนอาจจะถูกละเมิดต่อไป เราจึงมีความคิดเห็นร่วมกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่าควรจะมีการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่จะเข้ามาร่วมในการตรวจสอบ โดยจะเดินทางไปยื่นหนังสือในวันพุธที่ 6 พ.ย.นี้”
ด้านนางสุภัทรา นาคะผิว กสม. กล่าวว่า หากประชาชนเข้าชื่อและยื่นต่อกสม.ว่าร่างผังเมืองรวมฯที่อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายด้าน อาทิ สิทธิข้อมูลข่าวสาร สิทธิการมีส่วนร่วม สิทธิในการมีสิ่งแวดล้อมที่ดี และสิทธิในทรัพย์สิน โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิในการมีที่อยู่อาศัย เราก็พร้อมที่จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมกสม.เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ากระบวนการร่างผังเมืองรวมฯของ กทม.ละเมิดสิทธิของประชาชนหรือไม่ และหากพบว่ามีการละเมิดสิทธิฯจริง ก็จะเสนอไปยังกทม.เพื่อให้พิจารณาต่อไป
สำหรับในเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ได้มีการสะท้อนปัญหาการละเมิดสิทธิในเรื่องของกระบวนการรับฟังความคิดและการมีส่วนร่วมในการร่างผังเมืองรวมกทม. โดย นายพรพรหม โอกุชิ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย กล่าวว่า การร่างผังเมืองรวมกทม.เริ่มตั้งแต่ปี 2560 แต่เมื่อกฎหมายผังเมือง ปี 2562ออกมาบังคับใช้ทำให้ กทม.ต้องร่างผังเมืองรวมใหม่ โดยรวมเอาผังน้ำและผังสิ่งแวดล้อมเข้ามาร่วม แต่ทั้งหมดไม่มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็น และไม่มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม แต่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมครั้งวันที่ 25 ก.ค.66 และมีการประชุมรับฟัง 50 เขต ซึ่งพบว่าการจัดรับฟังความคิดเห็นของ กทม.ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบันรวมประชาชนมีส่วนร่วม 21,776คน จากประชากรกรุงเทพฯ 5.4 ล้านคน หรือ 0.4 % ของประชาชนทั้งหมด ขณะที่ผังเมืองรวมกทมฯมีการตัดถนนน 148 เส้นและมีการขยายคลอง 200 คลองที่อาจจะกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในฐานะประชาชนคน กทม. ได้จับตาร่างผังเมืองรวมของ กทม.ฉบับใหม่ พบว่าหลังจากที่เปิดรับความคิดเห็นแล้วเสร็จยังไม่ได้นำเอาผังน้ำคู้บอน กลับมาบรรจุในผังเมือง ที่ผ่านมาตนได้คัดค้านว่าผังน้ำคู้บอนหายไปจากผังเมืองรวม แม้ว่า ครม. ได้ประกาศเป็นพื้นที่รับน้ำไว้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นตามผังน้ำจะสามารถรับน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออกได้มากถึง 870,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่กลับปรากฏว่ามีพื้นที่หมู่บ้านจัดสรรของบริษัทเอกชนก่อสร้างขึ้นจำนวนมาก แม้จะมีป้ายประกาศติดไว้ชัดเจน
"ผังน้ำคู้บอน เคยมีการประชาพิจารณ์ และเตรียมเวนคืน แต่มีความผิดปกติเพราะผังเมืองรวมไม่มีการบรรจุผังน้ำดังกล่าวเอาไว้ แต่ถูกจัดสรรให้บริษัทเอกชนทำหมู่บ้านจัดสรร ทำให้เห็นว่า โครงการนี้ผิดปกติเพราะผังน้ำหายไปจากผังเมืองฉบับใหม่ ผมจะรอดูว่าหลังจากรับฟังความเห็นแล้วผังน้ำจะกลับมาหรือไม่ ถ้ายังไม่มีผังน้ำคู้บอนในผังเมืองใหม่ ผมจะนำเรื่องนี้ไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ”
ด้านนายทวีทอง ลาดทอง ผู้แทนประชาชนจากเขตคลองเตย กล่าวว่า ในอดีตชุมชนคลองเตยเคยเสียสละพื้นที่ชุมชนให้นำไปสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ และย้ายวัดที่สำคัญของเรา 4 แห่งออกจากพื้นที่ วันนี้เราจึงอยากมีส่วนร่วมกับการร่างผังเมืองรวม กทมฯ ฉบับที่ 4 โดยขอพื้นที่ 20 % ของท่าเรือคลองเตยเป็นที่อยู่อาศัยของ 26 ชุมชนคลองเตย เพราะคนในชุมชนเห็นว่าโครงการสร้างคอมเพล็กซ์ในพื้นที่ท่าเรือจะทำให้ประชาชนกว่า 5 แสนคนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ จึงอยากขอพื้นที่บางส่วนเพื่อให้ชาวคลองเตยสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นคง
นายวุฒิชัย ดุลยวิทย์ ผู้แทนประชาชนจากเขตวัฒนา กล่าวว่า เราต้องมาร้องเรียนผ่านสภาผู้บริโภค เพราะเราคือผู้บริโภค และผังเมืองเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่รัฐต้องจัดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นสิทธิของเรา เนื่องจากผังเมืองคือหัวใจทุกอย่าง และเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมาตกลงกันว่าเราจะอยู่อย่างไรให้มีความสุข แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนมีการร่างผังเมืองแล้วเสร็จจึงเห็นว่า มีถนนที่ขยายออกมากระทบเรา แต่การประชาสัมพันธ์และการสร้างการมีส่วนร่วมไม่ได้เกิดขึ้นจริง แล้วเราจะสร้างเมืองที่เป็นธรรมได้อย่างไร
ด้านนายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย กล่าวว่า สิ่งที่พบในการร่างผังเมืองรวมกทม. คือ การประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ที่ล้มเหลว เชื่อว่าคนกรุงกว่า 99.5 % ไม่ได้มีส่วนร่วม เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมายของผังเมืองที่ขีดเส้นและเปลี่ยนสี จึงเป็นที่มาของกระบวนการมีส่วนร่วมที่ไม่มีการบอกรายละเอียด และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงรายละเอียดผลกระทบที่ชัดเจน ถือเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชน
“การประชาสัมพันธ์ผังเมือง กทม.จะพูดเฉพาะข้อดี แต่ไม่มีผลกระทบที่เกิดขึ้นเพราะความจริงแล้วทุกเส้นที่ขีด และสีที่วาดมีคนที่ได้รับผลกระทบอยู่ นอกจากนี้ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดของผังเมืองเลยรวมถึงไม่มีแนวทางเยียวยา ขณะที่ร่างผังเมืองไม่สะท้อนความจริงของพื้นที่ทำให้มีผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก”