ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ษิทรา" หมายเรียก หรือหมายจับ เดี๋ยวรู้! แต่ที่แน่ๆ ถึงคิว "ครูปรีชา" ร่วมแฉ ไอ้ตั้มมันร้าย!!
เดินหน้าสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดี "ทนายตั้ม" หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถูก "พี่อ้อย" จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีนีชาวปากช่อง ที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส แจ้งความเอาผิดฐาน "ฉ้อโกง" เงิน 71 ล้าน หลังเสนอให้ลงทุนในแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ จนกลายเป็นข่าวครึกโครม
จากปาก “พี่อ้อย” ผู้เสียหายยังระบายความทุกข์ในใจที่มี ไม่ใช่แค่ถูกฉ้อโกงไป 71ล้าน หากยังมีกรณีขอเงิน 39 ล้านไปให้คนใกล้ชิด รวมไปถึงงุบงิบเงินส่วนต่างซื้อรถหรูอีก 5 ล้าน
ฟังว่า ตำรวจสอบสวนกลางเชิญ "พี่อ้อย" มาให้ปากคำที่ กทม.โดยเป็นการสอบสวนภาพรวมทั้งหมด ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง เริ่มต้นตั้งแต่ความเป็นมาของการรู้จักกัน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ระหว่าง พี่อ้อยกับทนายคนดัง รวมไปถึงพฤติการณ์ทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่าจะมีมูลความผิดในฐานใดบ้าง
"บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ส่งสัญญาณ ลุยเต็มสูบ ตอนนี้ยังเป็นการรับข้อมูลจากทางผู้กล่าวหาอยู่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้การ
ส่วนการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ก็อยู่ในระหว่างการพิจารณา ต้องดูข้อเท็จจริงว่าจะไปถึงขั้นตอนใด หากพบความผิด จะดำเนินคดีอย่างเต็มที่แน่นอน
งานนี้ก็ต้องอดใจรอกันหน่อย จะออกก้อยหรือหัว
ขณะที่เจ้าตัว เดินทางไปขึ้นศาลที่จังหวัดนครพนม คดี “สหายแสง” ฟังว่า ทนายตั้ม เจอหน้านักข่าวนัดแนะจะมาคุยด้วยดิบดี ที่ไหนได้ไม่เหมือนที่คุยไว้ เพราะทนายตั้ม หลบลี้หนีหน้าสื่อไปดื้อๆ
เรียกว่า ช่วงนี้ผิดปกติวิสัยของทนายช่างจ้อ จอมสร้างคอนเทนต์
แต่ที่ไม่ต้องรอและไม่ต้องพัก คือบรรดาเจ้ากรรมนายเวรของ “ทนายตั้ม” ที่ทยอยออกมาแฉพฤติกรรมร่วมวางดอกไม้จันทน์ สาปส่งทนายตั้ม
และแล้วก็มาถึงคิว "ครูปรีชา" ปรีชา ใคร่ครวญ เจ้าของวลี "ความจริงก็คือความจริง" ในคดีมหากาพย์ "หวย30ล้าน"
“ครูปรีชา” จำแม่น พฤติการณ์ของทนายตั้ม ทำเจ็บเอาไว้ เพราะทุกวันนี้ไม่ได้เป็นครู ต้องออกจากราชการ ก็เพราะ “ทนายตั้ม” ไปร้องกระทรวงศึกษาธิการ
แถมจบคดีหวย 30 ล้าน ยังตามฟ้องครูปรีชากับพยานอีกรวม 10 คน 4 คดี ในข้อหาฟ้องเท็จ กับพยานเท็จ ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน โดยศาลไกล่เกลี่ย ลดเหลือ 2.5 ล้าน แต่ครูปรีชาและพวก ก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาจ่าย
ที่จำได้ดี ก็ตอนที่เกิดคดีใหม่ๆ “ทนายตั้ม” กับลูกน้อง 3 คน ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ บุกเข้าห้องเรียนขณะที่ ครูปรีชา กำลังสอนหนังสือเด็ก ...
มาขอผมดูโทรศัพท์มือถือ ล้วงข้อมูลไป มิหนำซ้ำใช้กล้องปากกาแอบถ่าย เท่านั้นยังไม่พอ ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองก็ไปปรากฏในมือของทนายตั้มในการซักค้านในศาล
ว่ากันว่า ฝ่าย “หมวดจรูญ” คู่กรณี “ครูปรีชา” ก็ไม่มีความสุข ครูปรีชาว่า เจอที่ศาล ลุงจรูญเคยพูดถึงเงิน 30 ล้าน ในศาล แกพูดไปร้องให้ไป บอกว่าเงินหมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว
หมายความว่ายังไง ครูปรีชา ว่าไม่ทราบ จะหมดไปกับคดี หมดไปกับอะไรต่อมิอะไร หมดไปกับ ทนายตั้ม เท่าไหร่ ไม่ทราบ!
ทุกวันนี้ “ครูปรีชา” รอให้เวรกรรมทำงานอยู่หลายปี จึงออกมาสมทบร่วมด้วยช่วยแฉทนายดัง โดยสรุปว่า "ไอ้ตั้มมันร้าย”!!
++ สอย“สว.สีน้ำเงิน” สมชาย เล่งหลัก ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง10 ปี คดีซื้อเสียง
จากที่ กกต. ใช้มาตรการรับรองไปก่อน สอยทีหลัง กับการประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ผ่านมา
ตอนนี้มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กกต. ได้มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น สว.ของ “สมชาย เล่งหลัก” กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่
หลังตรวจพบว่า “สมชาย เล่งหลัก” ถูกศาลฎีกา มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา10 ปี
เหตุสืบเนื่องจากในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา “สมชาย เล่งหลัก” ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สงขลา เขต 9 สังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีพฤติการณ์ รู้เห็น สนับสนุนให้มีการแจกเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ลงคะแนนให้แก่ตน
ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ระบุว่า สืบเนื่องจาก กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 73 (1) ประกอบ มาตรา 138 วรรคหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญา แก่ นายสมชาย เล่งหลัก, นายวินัย บัวทอง และพ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ตามมาตรา 73 (3) ประกอบมาตรา 158 วรรคหนึ่ง ของกฎหมายเดียวกัน
ด้วยปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายสมชาย สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลทั้งสอง จัดเตรียมเพื่อจะให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง อันเป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ นายสมชาย ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
จึงมี คำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง “นายสมชาย เล่งหลัก” เป็นเวลา 10 ปี
และจากผลของคำพิพากษาดังกล่าว กกต. จึงเห็นว่า “สมชาย เล่งหลัก” เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง สว. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำคำวินิจฉัย และยกร่างคำร้องก่อน ที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ส่วน สว.อีกคนที่มีโอกาสที่จะถูก “สอย” ด้วยเรื่องปัญหาคุณสมบัติ คือ “หมอเกศ” รศ.ดร.พญ. เกศกมล เปลี่ยนสมัย กลุ่ม 19 ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ
แพทย์หญิงคนสวย ขวัญใจชาวโซเชียล ที่โด่งดังชั่วข้ามคืน เธอเป็นใคร? มาจากไหน? มีแต่คนอยากรู้ เพราะนอกจากหน้าตาสวยแล้ว โปรไฟล์ของเธอยังไม่ธรรมดาอีกด้วย ทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับคะแนนเลือก สว.ระดับประเทศสูงสุด คือได้ถึง 79 คะแนน
เพราะโปรไฟล์หรู “หมอเกศ” เลยถูกขุดเรื่องวุฒิการศึกษา โดยเฉพาะที่บอกว่าจบมาจาก California University นั้น กลายเป็นประเด็นดรามา ว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าว ไม่ได้จัดการเรียนการสอน และไม่ออกใบปริญญา แต่ทำหน้าที่ประเมินวุฒิการศึกษาของคนที่จบจากต่างประเทศ และออกวุฒิบัตรเทียบเท่าให้เท่านั้น
และเรื่องเกี่ยวกับวุฒิการศึกษานี่เองทำให้ “หมอเกศ” เดือดเนื้อ ร้อนใจ อยู่ในตอนนี้
อีกทั้งแพทยสภา ยังได้ตั้งข้อกล่าวโทษ ที่ “หมอเกศ” อ้างเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และความงาม เนื่องจากเห็นว่าเป็นความเชี่ยวชาญ ที่ไม่ได้มีการรับรองไว้ จึงมติให้ฝ่ายจริยธรรม ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
กรณีของ “หมอเกศ” นั้น คาดว่า กกต.จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการประชุมสัปดาห์หน้า ส่วนบทสรุป จะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องติดตาม