ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ มะรุมมะตุ้ม รุมแฉ "ทนายตั้ม" หนีกรรมยากแล้ว!? "ฉ้อโกงปกติธุระ" ปปง. ลับมีดรอเชือดฟอกเงิน!
หลังปมอมเงิน 71 ล้าน เศรษฐีนีใจบุญถูกเปิดเผย อุปมาเหมือนเขื่อนแตก น้ำก็โถมทะลักเข้าใส่ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด
ตอนนี้จึงเกิดปรากฏการณ์ "เหยื่อ" หรือผู้เคยโดนทนายแบรนด์เนมคนนี้ ทำพิษมะรุมมะตุ้มรุมแฉอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ "เพจรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ" ปล่อยคลิปของ "พี่อ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหายพูดถึงพฤติการณ์ "น่ารังเกียจ" ของทนายตั้ม เรียกว่า ยิ่งมา ก็ยิ่งเดือด!
คงได้รับรู้กันไปแล้วรัวๆ ไม่ใช่แค่ต้องหา "ฉ้อโกง" 71ล้าน ยังมีเหลี่ยมเล่ห์ เพทุบาย ทั้งซื้อรถหรู 13 ล้าน ไม่ตรงรุ่น ขอให้ช่วยจ่ายหนี้ 39 ล้าน ให้พรรคพวก
รวมไปถึงวางแผนให้ “พี่อ้อย” รับลูกตัวเองเป็น บุตรบุญธรรม!
งานนี้เดือดแค่ไหน คงไม่ต้องบอก เดือดเสียจน "คนคิดชั่ว" มั่วปล่อยข่าวว่า "สนธิ ลิ้มทองกุล" รับงาน รับทรัพย์จาก "พี่อ้อย" มาทุบ ทนายษิทรา
มั่วได้โล่ มโนกันฉ่ำ แต่ความจริงมีหนึ่งเดียว “พี่อ้อย” ปรากฏตัวคู่กับ "สนธิ" ยืนยันมาพบด้วยศรัทธา จะมีก็แต่ไวน์ 1ขวด กับช็อกโกแลต 1 ถุง เท่านั้น ?
กลับมาที่ มหกรรมแฉ ไล่เรียงมาตั้งแต่ถูกจับโป๊ะคดี "ดิไอคอน" ต้องสงสัยว่า ที่ออกมา "รับแสง" งวดนี้เพราะประสงค์ทรัพย์ "บอสพอล" 7 ล้าน
ตามด้วย "คนบนเรือ" ทั้งไฮโซปอ-ตนุภัทร และ "แซน" วิศาพัช ออกมาแฉ ทนายดังจ้องจะเข้ามาโกยเงินก้อนโต จากคดี ดาราสาว "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์
มีเพียง "ขุ่นแม๊" แตงโม ที่ออกมาให้กำลังใจ “ทนายตั้ม” ซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่ ขุ่นแม๊ งานนี้ก็ช่วยไม่ได้
กรรมใดใครก่อ พฤติการณ์ที่น่ารังเกียจของทนายแบรนด์เนม ยังถูกแฉจากอดีตลูกความคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "หนึ่ง บางปู"
“หนึ่ง บางปู” หรือ วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม ทำเอาโลกโซเชียลฯ ต้องหยุดดู หลังเธอปล่อยคลิประบายความในใจ ที่อัดอั้นมากว่า 3 ปี หลังจากเสียเงินให้กับทนายดัง 10 ล้าน
จากคดี "สามี-ภรรยา" กลายเป็นแค้นฝังใจ “ทนายตั้ม” ถึงขึ้นเรียกร้องให้คนที่เสียหายจากการเป็นเหยื่อออกรมาวาง"ดอกไม้จันทน์" ร่วมประชุมเพลิง ษิทรา
ใครฟังแล้วก็ต้องตกใจ ค่าจ้าง10 ล้าน ได้งานมาแค่ ภาพถ่ายทนายคู่ลูกความ คือ ตัวเอง 2 ใบเท่านั้น
ถามว่า คดีฟ้องแบ่งสมบัติสามี-ภรรยา ทำไมทนายคนนี้ ต้องเรียกสูงขนาดนี้ จากปากของ "หนึ่ง บางปู" บอกว่า ตอนที่เจอกับทนายตั้ม ถูกถามคำแรกว่า ทรัพย์สินที่จะแบ่งกันมีเท่าไหร่ พอรู้ว่าเกิน 100 ล้าน ก็ตาวาว สตอรี่ในหัวมาทันที บอกลูกความว่า เรื่องนี้ต้องเคลียร์กับ "บิ๊กตำรวจ จ." ซึ่งคุณก็รู้ว่าเป็นใคร !? ใน 10 ล้านบาท ที่เรียกต้องแบ่งไปให้บิ๊กตำรวจ ด้วย
แถมเขียนเสือให้วัวกลัวว่า ถ้าเรื่องมันใหญ่โตขึ้นมา ต้องใช้เงินนี้ เคลียร์กันอีก มิเช่นนั้นอดีตสามี ที่เป็นตำรวจจะต้องถูกส่งตัวไปที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
สุดท้าย “หนึ่ง บางปู” ต้องกู้เงิน 10ล้าน มาจ่าย
“หนึ่ง บางปู” ย้ำว่า ที่ออกมาแฉ ไม่ได้ต้องการแสง เพียงแค่เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย อยากให้ทนายดังคนนี้ ได้รับกรรม บ้าง และที่ “ษิทรา” ถูกรุมแฉอยู่ในขณะนี้ ก็สมควรแล้ว
ที่โดนแบบนี้ กรรมเกิดจากการกระทำ ไม่มีความสงสารแต่อย่างใด มีแต่ความสมน้ำหน้า
เธอยังสังเกตเห็นวันที่ทนายรายนี้ออกมาให้สัมภาษณ์ล่าสุด หน้าดำปี๋ เหมือนราหูเข้า !
ส่วนความคืบหน้าคดี "ฉ้อโกง" พี่อ้อย ฟังว่า ตำรวจสอบสวนกลาง สอบปากคำ “พี่อ้อย” และพยานโดยละเอียดและรัดกุมมาสองสามวันแล้ว
พฤติการณ์แห่งคดี หรือ "แผนประทุษกรรม" ของทนายตั้ม จากประเด็น อม 71ล้าน ซื้อรถกินส่วนต่าง ถึงการ ขอ 39ล้าน ให้พรรคพวก รวมๆ กันมาเป็นไปในทาง "ฉ้อโกงปกติธุระ"
และนี่จะเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะมีเรื่องของการยึดทรัพย์ ที่ได้จากการกระทำผิดตามมา
นี่แหละหนา โบราณว่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว วีรกรรมของ “ทนายตั้ม” ทำปาบ ทำกรรมกับใครไว้ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่กรรมจะทำงาน
เชื่อว่า ผู้ร่วมวางดอกไม้จันทน์ งานแฉ “ทนายตั้ม” คงยังจะไม่หมดอยู่แค่นี้!!
แว่วว่า "ครูปรีชา" เจ้าของวลี "ความจริงก็คือความจริง" ก็กำลังหาจังหวะออกมาแฉพฤติการณ์ของทนายตั้ม ที่ทำกับตัวเอง
ทนายดังบรรเลง บรรลัย ยังไง “ครูปรีชา” คดีหวย 30 ล้าน จำฝังใจ โปรดรอติดตามกันได้เลย
++ “มท.หนู” เติมฟืนใส่ไฟใต้ เมื่อปลัดฯท่าอุเทน กลับทำงานทันที หลังคดีตากใบหมดอายุความ
กรณีข้าราชการจากหลายหน่วยงาน ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีสลายการชุมนุมที่ สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส พากันหลบหนี ไม่ไปศาล จนกระทั่งคดีหมดอายุความเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา
คดีนี้ไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เลยสักคนเดียว ทั้งที่ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติการไล่ล่าผู้ต้องหาที่หลบหนีมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ แต่ก็คว้าลม
เมื่อคดีหมดอายุความ “ปลัดอำเภอท่าอุเทน” จ.นครพนม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ก็กลับมาทำงานตามปกติ
เหมือนเป็นการเยาะเย้ย ตอกย้ำว่า ยุคนี้เป็นยุคของคนผิดลอยนวล โดยเฉพาะถ้าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็มักจะได้รับการปกป้องจากพวกพ้อง อำนาจรัฐ
“รอมฎอน ปันจอร์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงกับออกปากว่า วัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ได้ฝังรากลึกมาก จนเห็นว่า การหนีหมายจับคดีอาญาร้ายแรงของข้าราชการ กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
การกลับมาทำงานของ “ปลัดอำเภอท่าอุเทน” ไม่ต่างอะไรกับเป็นการตบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรมของไทย ขณะเดียวกันก็สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ แก่บรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียหาย
จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการที่หลบหนีคดีไป ทั้งกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ให้ตรวจสอบทางวินัย เพื่อพิจารณาว่า มีเจ้าหน้าที่คนใด รู้เห็นเป็นใจในการช่วยหนีคดีหรือไม่ และขอให้ รมว.มหาดไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” และ รมว.กลาโหม “ภูมิธรรม เวชยชัย” เร่งตรวจสอบ เพื่อคลายข้อข้องใจของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และญาติของผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์ตากใบ ด้วย
ที่สำคัญคือ กรณีนี้เป็นการยืนยันว่า กฎหมายมีช่องโหว่ จำเป็นที่เราต้องแก้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องอายุความ จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ อีกทั้งเห็นควร งดบำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการที่หนีคดีเช่นนี้
ด้าน “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เมื่อมีประเด็นร้อนมาถึงตัว ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ต้องฟังเหตุผลของเขาด้วย แต่เท่าที่ทราบ คือก่อนหน้านี้ เขาได้ยื่นหนังสือลาพักผ่อน แต่หลังจากทราบว่าโดนหมายจับ ทางผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งยกเลิกใบลาดังกล่าว และสั่งให้กลับมารายงานตัว แต่เจ้าตัวก็ไม่มา...
เท่าที่ทราบน่าจะขาดราชการแค่ 6 วัน แต่ตามระเบียบแล้ว ต้องขาด 15 วัน ถึงจะไล่ออกจากราชการได้
“อนุทิน” ยังบอกว่า คนที่หนีก็ใช่ว่าจะอยู่สบายๆ เขาก็ต้องรับแรงกดดันมหาศาล ถูกลงโทษทางสังคมเหมือนกัน
เมื่อถูกถามว่า จะสั่งย้ายข้าราชการคนนี้ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส หรือไม่ “มท.หนู” หัวเราะก่อนตอบว่า ถ้าตนสั่ง ตนก็ผิด เพราะเป็นการไปก้าวก่ายข้าราชการประจำ ต้องเป็นหน้าที่ของปลัดกระทรวงมหาดไทย
ส่วนที่มีการเสนอให้ตัดบำเหน็จ บำนาญ นั้น ทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามกฎ ระเบียบ จะลงโทษอะไรใคร ต้องมีระเบียบรองรับ ไม่เช่นนั้นคนที่ไปลงโทษเขา จะถูกฟ้องร้องได้
ใจความที่ “มท.หนู” สื่อสารออกมานั้น เหมือนชี้แจงระเบียบ ระบบ ของข้าราชการ ขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการปกป้องลูกน้อง ที่เป็นข้าราชการมหาดไทยคนนั้น
เพราะเห็นชัดๆ ว่า หนีคดี แต่พอคดีหมดอายุความ ก็กลับมาทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมคนในรัฐบาล ก็แสดงท่าทีเหมือน พอใจ ที่คดีหมดอายุความเสียที
คำพูดและท่าทีของ “มท.หนู” มันจึงไม่ต่างจากการ “เติมฟืน” ให้ไฟใต้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
... คราวนี้ก็จะมีคำถามตามมาว่า ใครบ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบ!!