ทส. กังวล! ร่าง พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน ฉบับ มท. ให้อํานาจ "นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร" ยื่นฟ้องคดี อาจเกิดประโยชน์เฉพาะ"โครงการขนาดใหญ่" หวัน"โครงการขนาดเล็ก-นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร" ไม่มีความเข้มแข็ง ไม่อาจยื่นฟ้องคดีได้ ทำให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่สมบูรณ์
วันนี้ (25ต.ค.2567) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีความเห็น ประกอบกรณี ครม.ได้รับหลักการต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย
กรณีการจัดสรรที่ดินที่อาจตั้งอยู่ในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือเขตควบคุมมลพิษ มีความเห็นว่า ควรให้ความสําคัญและต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการดูแลสาธารณูปโภค
ขณะเดียวกัน ในการกําหนดให้อํานาจนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร อาจยื่นฟ้องคดีได้ เป็นการเพิ่มสิทธิ และหน้าที่แก่นิติบุคคล
แต่การจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเป็นเพียงการรวมตัวกันของลูกบ้านในการบริหาร จัดการโครงการในรูปแบบของนิติบุคคลซึ่งมีความสามารถตามกฎหมายในการฟ้องร้องดําเนินคดี
แต่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร มิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพในการบริหารจัดการโดยตรง
"ดังนั้น การกําหนดให้อํานาจยื่นฟ้องคดี ได้อาจเกิดประโยชน์เฉพาะกรณีที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่หากเป็นโครงการขนาดเล็กและนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรไม่มีความเข้มแข็ง ก็ไม่อาจยื่นฟ้องคดีได้ จึงไม่อาจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ "
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ฉบับแก้ไข) มีหลักการ ที่ผ่านการรับฟังความเห็นจากหลายหน่วยงานแล้ว เช่น แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัด
แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคของผู้จัดสรรที่ดิน และแก้ไขเพิ่มเติมให้การนำหลักประกันอย่างอื่นมาค้ำประกันแทนในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค
แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพ้นจากหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคของผู้จัดสรรที่ดิน
แก้ไขเพิ่มเติมให้การจัดเก็บค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและการจัดการสาธารณูปโภคของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรสามารถจัดเก็บได้ตามที่กำหนดในข้อบังคับด้วย
แก้ไขเพิ่มเติมสถานที่ปิดประกาศและการเผยแพร่คำขอยกเลิกการจัดสรรที่ดิน
รวมทั้ง แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษของผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายตามมาตรา 52
โดยเป็นการเพิ่มหลักการให้ผู้ซื้อที่ดินในโครงการจัดสรรที่ดินสามารถ ริเริ่มจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้เอง
ในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินไม่ดําเนินการให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจัดตั้งนิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลอื่นตามกฎหมาย หรือมิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการบํารุงรักษากิจการอันเป็นสาธารณูปโภค
เพื่อเข้าไปบริหารจัดการและบํารุงรักษาสาธารณูปโภคในหมู่บ้านจัดสรรของตนเองให้เหมาะสมกับบริบทของ สังคมในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรที่ประสงค์จะจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเพื่อรับโอน สาธารณูปโภคในโครงการจัดสรรไปบริหารจัดการและดูแลรักษาก่อนที่จะเลือกโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้เป็น ที่สาธารณประโยชน์
โดยรัฐอาจจะไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในส่วนที่ทางราชการจะต้องเข้าไปดําเนินการให้ แต่อย่างใด และกําหนดระยะเวลาการเรียกค่าใช้จ่ายในการจัดทําหรือบํารุงรักษาสาธารณูปโภคของนิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร
และระยะเวลาการฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกเงินค้ำประกันการจัดทําหรือบํารุงรักษา สาธารณูปโภคจากผู้ค้ำประกัน
เพื่อกําหนดเป็นเครื่องมือให้แก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรใช้บริหารจัดการ สาธารณูปโภคของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรต่อไป.