เมืองไทย 360 องศา
แทบไม่น่าเชื่อว่าในเวลานี้สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตนักโทษคนนี้จะต้องมีอาการ “ลุ้นระทึก” กันอีกรอบ ทั้งในเรื่องที่อาจจะได้กลับเข้าคุกกันอีกรอบ รวมไปถึงยังเป็นตัวการสำคัญที่อาจส่งผลถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย ตามมาอีกด้วย จากเดิมที่เคยคิดว่าคำร้องมากมายที่ถาโถมเข้ามา ไม่น่าจะมีน้ำหนัก หรือทำอะไรให้เขาระคายผิวได้ แต่นาทีนี้ น่าจะต้องคิดใหม่กันแล้ว จนต้องสั่นผวากันจริงๆ
คำร้องมากมายที่ยื่นเข้ามา เช่น ของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ระบุว่า พฤติกรรมและพฤติการณ์ของนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญใน 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรก ผู้ถูกร้องทั้งสอง มีพฤติการณ์การกระทำที่เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการทำให้สถาบันฯ สูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมือง หรือดำรงความเป็นกลางทางการเมือง ย่อมเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง
ลักษณะที่สอง ผู้ถูกร้องทั้งสอง มีการกระทำอันมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีความสำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง รวมไปถึงการแทรกแซงครอบงำพรรคเพื่อไทย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำหนังสือถามอัยการสูงสุด กรณีที่ผู้ร้องได้เคยยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด ให้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องที่หนึ่งคือ นายทักษิณ ยุติการกระทำดังกล่าว แต่ทางอัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการภายใน 15 วัน ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงแจ้งให้อัยการสูงสุดดำเนินการภายใน 15 วัน และแจ้งให้ศาลฯได้ทราบด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกรณี “ป่วยทิพย์” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ในโรงพยาบาลตำรวจ ที่กำลังงวดเข้ามาทุกที เช่น จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่กำลังเร่งขอหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การให้ปากคำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจถึงสองครั้ง และย้ำว่าไม่ได้ป่วยจริง หรือมีอาการขั้นวิกฤต
ล่าสุด ยังมีกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ กกต. พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย (พท.) และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จากเหตุ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมือง ยินยอมให้นายทักษิณ ครอบงำ ชี้นำ โดยเห็นว่าคำร้องมีมูล และ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง
มีรายงานว่า กกต.และสำนักงานฯดำเนินการพิจารณาเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ อย่างไรก็ตาม กระบวนการหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการสอบสวนฯ จะต้องตรวจสอบเอกสาร หลักฐานต่างๆ พยานบุคคล ซึ่งอาจจะต้องเชิญผู้ร้อง และผู้ถูกร้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่หากข้อมูล พยานเอกสาร และหลักฐาน ยังไม่ครบถ้วน ที่จะสรุปความเห็นของสำนวนเสนอนายทะเบียนได้ สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ
แม้ว่าหลายเรื่องร้องเรียนดังกล่าวยังมีเส้นทางอีกยาวไกล กว่าจะมีข้อสรุป แต่ก็ถือว่าเริ่มเดินไปข้างหน้าแล้ว และบางกรณี ก็เดินไปมากพอสมควรแล้ว เช่น ในกรณีของ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับการ “ป่วยทิพย์”
น่าสนใจก็คือ ความเห็นของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เป็นนักวิเคราะห์คนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ให้จับตา ติดตามสถานการณ์รัฐบาลที่จวนถึงช่วงปลายล่มสลาย โดยเชื่อว่า ทุกคำร้องและการพิจารณา ตรวจสอบขององค์กรอิสะ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะเสร็จสิ้นการไต่สวน แล้วผลตรวจสอบจะถูกนำไปประกอบคำวินิจฉัยในศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะรับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระไว้พิจารณา ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังเร่งพิจารณาคำร้องเรียนข้อหาครอบงำพรรคการเมือง โดยนัดผู้ร้องให้ปากคำเพิ่มเติม 28-29 ตุลาคม นี้ เพื่อยืนยันคำร้องเดิม และแสดงถึงตัวตนจริงของผู้ร้องเรียนที่ใช้ชื่อบุคคล “นิรนาม”
“ผมเชื่อว่า ยังไงศาลรัฐธรรมนูญต้องรับคำร้องไว้พิจารณา ยิ่งข้อที่ 1 ในเรื่องของคุณทักษิณ เกี่ยวกับการละเมิดพระราชอำนาจ ซึ่งมองแล้วจะเป็นอื่นไม่ได้ อีกทั้งการรอเอกสารของอัยการสูงสุดอีก 15 วัน จะเป็นช่วงเวลาสอดรับกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณากรณี ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ด้วย ดังนั้นทุกอย่างจะมีแนวโน้มไปบรรจบกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ”
แน่นอนว่า เวลานี้คำร้องสารพัดเรื่อง และสารพัดคนร้อง กำลังประดังเข้ามา และมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ ย่อมทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรคเพื่อไทยเกิดความหวั่นไหวไปด้วย เพราะตามรายงานมีระบุว่า นายทักษิณ ทำเรื่องขอเดินทางไปต่างประเทศถึง 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
แม้ว่าที่ผ่านมา ทางระดับแกนนำพรรคเพื่อไทยจะออกมาแสดงความมั่นใจในทำนองว่า เป็นข้อร้องเรียนที่ไร้สาระ ไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ มายืนยันได้ แต่นาทีนี้เชื่อว่าต้องเริ่มหวั่นไหวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ นายทักษิณ ชินวัตร เพราะเหมือนกับทุกอย่างกำลังตีกรอบ บีบแคบเข้ามาเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรณี “ป่วยทิพย์” ที่ถือว่า น่ากังวลไม่น้อย เพราะเมื่อ ป.ป.ช.เข้ามาสอบสวน ต้องมีการขอหลักฐาน รูปถ่าย คำสั่งจากกรมราชทัณฑ์ การสอบสวนของแพทย์สภา ที่เกี่ยวข้องกับแพทย์ที่ทำการวินิจฉัยและรักษาโรคของโรงพยาบาลตำรวจ
ขณะเดียวกันยังมีปากคำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่ยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่ได้ป่วยอาการหนักแต่อย่างใด และยังกุมความลับบนชั้น 14 อีกหลายอย่าง ย่อมต้องเป็นข้อมูลชั้นดี สำหรับการมัดตัวครั้งนี้ได้ดี
ดังนั้นถึงได้บอกว่า งานนี้สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงพรรคเพื่อไทย ต้องลุ้นระทึกกันอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังวดเข้ามาทุกขณะ เพราะมีความเสี่ยงได้กลับเข้าคุกอีกรอบ และคราวนี้อาจมีหลายคนติดร่างแหเข้าไปเป็นพรวนก็เป็นไปได้สูง อย่าทำเป็นเล่นไป !!