ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ อึ้งไม่พัก วิชาสายลับ-ล้วงตับ "บอสพอล" ซุกเครื่องอัดเสียงติด "แฮร์พิช-เป้ากางเกง"!
คดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ยังมีปมที่ทำให้สังคมอึ้งทุกวัน จากถ้อยแถลงความคืบหน้าของ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ "บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 10-21 ต.ค. 67 พบมีประชาชนเดินทางมาแจ้งทั้งสิ้น 6,979 คน รวมมูลค่าความเสียหายปาเข้าไปแล้วกว่า 2,046 ล้านบาท
แสดงให้เห็นว่า เครือข่าย ดิไอคอน ของ "บอสพอล" วรัตน์พล วรัทย์วรกุล นั้นใหญ่โตมโหระทึกแค่ไหน
ขณะที่การขยายผลอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์บัญชีการเงิน โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะพนักงาน และคนใกล้ชิดกับ "บอส" ผู้ต้องหาทั้ง18 คน
นี่ย่อมหมายถึง จากนี้หากข้อมูลหรือหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้เชื่อมโยงเกี่ยวข้องใคร ใครมีเอี่ยวหมายจับล็อตที่ 2 หรือ บรรดาแถวสอง ที่เป็นคำถามให้ลุ้นก็ใกล้จะคลอดตาม "บอส18คน" ที่อยู่ในทริป "ห้องกรง" ไปแล้วก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี กับคำถามที่ว่า "ศรีภรรยา"ของ "บอสกันต์" กันต์ กันตถาวร จะอยู่ในล็อตสองนี้หรือไม่ !? "บิ๊กต่าย" ระบุ ยังไม่พบในรายชื่อ และยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ
ส่วนทรัพย์สินต่างๆของ “บอส” ทั้งหลาย มีรายงานตัวเลขเบื้องต้น ในส่วนของตำรวจที่มีการยึด ทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ตอนนี้มีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
นอกจากอึ้งกับจำนวนคน และมูลค่าความเสียหายถึงสองพันกว่าล้าน ประเด็นที่ทำให้สังคมอึ้งต่อมาก็คือ ขบวนการมะรุมมะตุ้ม รุมตบทรัพย์ “บอสพอล”
ทั้ง "นักการเมือง"-"นักร้อง" นักตบทรัพย์ที่ถูกเปิดเผยให้สังคมรับรู้ ผ่านคลิปเสียงลับที่ "บอสพอล" งัดออกมาปล่อยและส่งให้ตำรวจ
คนที่โดนพาดพิงต้องเต้นกันสุดฤทธิ์ ปฏิเสธ เป็นพัลวัน
อย่างเช่นกรณีของ "พัช" กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ และประธานศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ศคอ. ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่า มีนักร้องเรียนผู้หญิงตบทรัพย์ ดิไอคอน 10 ล้านบาท โดยยืนยันไม่ทราบ ไม่มีแน่นอน หรือ ถ้ามีก็พร้อมชี้แจง
เพราะผู้เสียหายมาขอความช่วยเหลือทั้งหมด 89 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท แต่ฝ่ายคู่กรณี คือ ดิไอคอน ขอเจรจาปรับลดต่อรองเหลือ 8 ล้านบาท
จริงเท็จประการใดก็คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนสืบสวน
แต่ที่ทำให้ชาวเน็ตอึ้งไม่พัก เพราะที่มาของคลิปเสียงพูดคุยระหว่าง "พัช"กับ "บอสพอล" มีรายงานว่า บอสตัวตึง ไม่ได้ใช้มือถืออัดอย่างที่คนทั่วไปทำ
วิชาสายลับของ "บอสพอล" ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะใช้เครื่องอัดเสียงแอบติดไว้ที่ แฮร์พีซ กับติดไว้ที่เป้ากางเกง!
โดยที่แอบบันทึกเป็นคลิปเสียงยาวถึง 7 ชั่วโมง
เท่านั้นยังไม่พอ "บอสพอล" ยังเป็นนักวางแผน วางตัว "หนอนบ่อนไส้" ปะปนไปอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ร้องเรียน เพื่อแอบล้วงข้อมูล และสืบประเด็นของผู้ร้องเรียน ก่อนที่จะส่งให้บอสวิเคราะห์หาทางรับมือได้ทันท่วงที
ที่สำคัญทั้งการอัดคลิป และส่งสายลับตามาประกบคู่บุคคลที่ตามราวีตัวเอง จวนตัวเมื่อไหร่ บอส ก็งัดออกมา "แบล็กเมล์" ศัตรูอย่างที่เห็นๆ กัน
เรียกว่า วิชาสายลับ-ล้วงตับ ของ "บอสพอล" ทำเอาโอ้โห อื้อหือ กันไปทั้งบาง
++ ศาล รธน.ขยับแล้ว คดี“ทักษิณ-เพื่อไทย”ล้มล้างการปกครอง
หลังจาก “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ ไปยื่นคำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยกล่าวอ้างว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) และ พรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เลิกกระทำ การดังกล่าว และให้ “พรรคเพื่อไทย” เลิกยินยอมให้ทักษิณ ใช้เป็นเครื่องมือกระทำการดังกล่าว
ก่อนหน้าที่ “ธีรยุทธ” จะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญนั้น เขาได้ไปร้องที่อัยการสูงสุดมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 15 วัน อัยการสูงสุด ก็ยังไม่ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เขาจึงได้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง
และวันนี้ ก็มีความเคลื่อไหวจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แม้จะไม่ใช่เรื่อง รับ หรือไม่รับ คำร้องไว้พิจารณา
แต่ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของ “ธีรยุทธ” ไปถึงไหนแล้ว และได้รวบรวมพยานหลักฐาน ได้เพียงใด พร้อมขอให้จัดส่งพยาน หลักฐานเหล่านั้น ให้ศาลรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา
ขีดเส้นไว้ 15 วัน นับแต่วันที่อัยการสูงสุดได้รับหนังสือ
ทั้งนี้ คำร้องของ “ธีรยุทธ์” ที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ มี 6 ข้อ ดังนี้
“ทักษิณ สั่งการรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ เพื่อให้ตัวเองได้พักที่ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่ต้องถูกจำคุกในเรือนจำ ทั้งที่ไม่ได้มีอาการป่วยขั้นวิกฤต
“ทักษิณ” สั่งรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่ “ฮุนเซน” ให้มีการเจรจาแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทางทะเลในอ่าวไทยให้กัมพูชา
“ทักษิณ” สั่งพรรคเพื่อไทย ให้ร่วมมือกับพรรคประชาชน เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่พรรคประชาชนคือพรรคก้าวไกลเดิม ที่ถูกยุบพรรค จากพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ
“ทักษิณ” สั่งการแทนพรรคเพื่อไทย ในการเจรจากับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหาตัวนายกฯคนใหม่แทน “เศรษฐา ทวีสิน” ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
“ทักษิณ” สั่งการให้พรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
และ “ทักษิณ” สั่งการให้พรรคเพื่อไทย นำนโยบายที่ตนเองได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภา
จากคำร้องทั้ง 6 ประเด็นนี้ เรื่องที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถือว่ามีน้ำหนักที่จะเป็น “จุดตาย” ของทักษิณ มากที่สุด เพราะมีพยาน หลักฐาน จากหลายทาง โดยเฉพาะรายงานจาก คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่นำไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด หน่วยงานราชการอย่าง เรือนจำกรุงเทพฯ ในกำกับดูแลของกรมราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ที่ระบุว่ามีการเอื้อประโยชน์ ทั้งๆที่ ทักษิณ “ป่วยทิพย์”
และขณะนี้ ป.ป.ช. ก็ใกล้สรุปสำนวน เพื่อชี้มูลความผิดแล้ว
หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า เรือนจำกรุงเทพฯ และรพ.ตำรวจ มีความผิด ตามที่ได้ร่วมมือกันเอื้อประโยชน์ต่อ “ทักษิณ”จริง
ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ก็รับคำร้องของ “ธีรยุทธ” ไว้พิจารณาวินิจฉัย
เมื่อนั้นก็เริ่ม “เคาต์ดาวน์” กันได้เลย!!