xs
xsm
sm
md
lg

"เชาว์" ฉะ "สามารถ" ไม่สมเป็นนักการเมือง ยันแพร่คลิปไม่ผิด เป็นประโยชน์สาธารณะ คาใจ พปชร.มีใครได้ประโยชน์ด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ทนายเชาว์” จวก “สามารถ” ใช้กม.ขู่คนตรวจสอบ ไม่สมเป็น “นักการเมือง” ยกคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ คนบันทึกเสียง-เผยแพร่ ไม่ผิด เหตุเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ บี้ พปชร. แสดงความรับผิดชอบ มากกว่าแค่ปลดออกจาก รองโฆษกพรรค สงสัย หรือมีใครได้ประโยชน์ด้วย

วันนี้ (22ต.ค.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และทนายความ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ว่าด้วยเรื่อง “ดักฟัง” VS “แอบบันทึก” มีเนื้อหาระบุว่า กรณีมีการเปิดเผยคลิปการสนทนาระหว่างนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิชกับบอสพอลและกับอีกหลายคนเผยแพร่อยู่ในสื่อโซเชียลขณะนี้ ต่อมานายสามารถ ได้ออกมาโพสต์ในเฟสบุคส์ ส่วนตัวขู่ว่า วันพฤหัส ผมจะแจ้งความ เด็กซื้อน้ำ ข้อหาลักลอบดักฟัง ใช้ประโยชน์ เปิดเผย จำคุก 5 ปี สื่อไหน เผยแพร่ ก็รับโทษ ผู้ใดรับรู้ข้อความจากการกระทำผิดตามข้อ 1 ใช้ประโยชน์เผยแพร่ ก็รับโทษจำคุก 5 ปี พร้อมกับแนบ ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ ๒๑ เรื่อง ห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด มีคำถามว่า การแอบอัดคลิปเสียงสนทนา ผิดกฎหมาย หรือไม่ และใช้เป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องแบ่งออกสองกรณี คือ 1 การบันทึกเสียงสนทนาของตนเองกับคู่สนทนาอีกฝ่ายหนึ่ง ถือเป็นสิทธิของคู่สนทนาทั้งสองฝ่ายที่บันทึกเสียงคำสนทนาของตนกับคู่สนทนา อีกฝ่ายหนึ่ง ไว้ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตหรือบอกให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ล่วงหน้าก่อน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4674/2543 แต่ข้อความเสียงที่บันทึกนั้นต้องมิได้เกิดจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยไม่ชอบประการอื่น ตามในคำพิพากษาฎีกาที่ 2414 / 2551 จะอย่างไรก็ตามถ้าหากนำคลิปออกเผยแพร่สู่สาธารณะและมีข้อความที่ละเมิดหรือ หมิ่นประมาทบุคคลบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็จะต้องรับผิดตาม กฏหมายในเรื่องนั้นๆ การแอบบันทึกเสียง สนทนาของคนอื่นที่มิใช่คู่สนทนา ของตนเอง ถ้าลักลอบดักฟังโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็น การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ถือเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังเป็นพยานนั้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 แต่หลักกฎหมายดังกล่าว นำมาใช้บังคับเฉพาะกรณีเจ้าพนักงานของรัฐที่แอบบันทึกเทป บันทึกภาพเคลื่อนไหว หรือบันทึกเสียงเท่านั้น ส่วนในกรณีที่ประชาชนแอบบันทึกภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหวและเสียง หรือบันทึกเสียงอย่างเดียว ประชาชนยังสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลได้ ไม่ถือว่าเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ และตาม ป. วิ อาญา มาตรา 226/1 ที่แก้ไขใหม่ กำหนดให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบได้ ถ้าพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา ศาลจึงนำบันทึกเทปดังกล่าวมารับฟังได้ ตามนัย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2555 แต่ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังและต้องพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดีโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3782/2564

นายเชาว์ ระบุด้วยว่า คลิปเสียง หลายคลิปที่คู่สนทนากับนายสามารถ ได้บันทึกเสียงสนทนาไว้และนำออกเผยแพร่อยู่ในขณะนี้ และนายสามารถขู่ว่า ทั้งคนที่แอบอัดและคนที่นำออกไปแพร่จะถูกดำเนินคดีนั้น คู่สนทนากับนายสามารถที่แอบ อัดเสียงสนทนาไม่มีความผิดตามกฏหมาย ส่วนผู้ที่นำมาเผยแพร่อยู่ตามสื่อต่าง ๆ ในขณะนี้ ย่อมกระทำได้ เพราะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะโดยเฉพาะนายสามารถเป็นนักการเมือง ขณะ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดมีตำแหน่งเป็นรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐเป็นบุคคลสาธารณะย่อมถูกตรวจสอบได้ทุกการกระทำทั้งในที่รับและที่แจ้ง ยิ่งกรณีดิไอคอน เป็นอาชญากรรมระดับชาติ ทำกันเป็นขบวนการ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองเกี่ยวข้อง ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหายในวงกว้าง การแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อหาผู้กระทำความผิดหรือผู้ร่วมกระบวนการ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมและการอำนวยความยุติธรรม จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้และผู้นำออกเผยแพร่ย่อมกระทำได้ไม่มีความผิดตามกฏหมาย

“นายสามารถเป็นนักการเมือง ต้องกล้าที่จะยอมรับการตรวจสอบ ไม่ผิดจริงแล้วกลัวอะไร ไม่ใช่ช้กฎหมายข่มขู่คนตรวจสอบ พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำ แต่อย่างว่าแหละครับถ้าเป็นวิญญูชนจริง คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และผมคิดว่าพรรคพลังประชารัฐต้นสังกัดของนายสามารถ ควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าแค่ปลดนายสามารถออกจากรองโฆษกพรรคฯ เนื่องจากเป็นคนที่มีประวัติไม่ธรรมดา เคยถูกปลดจากทุกตำแหน่งในพรรคมาแล้ว หลังเกิดเหตุให้คนอื่นไปเรียนภาษาอังกฤษ ระดับปริญญาเอกแทน แต่กลับมามีบทบาทใกล้ชิดคนระดับนำในพรรค ก่อนเกิดเหตุฉาว ทำไมยังเลี้ยงคนแบบนี้ไว้ ให้ใกล้ชิดอำนาจ จนสุดท้ายส่อว่าจะมีการใช้อำนาจในการแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเอง หรือว่าการแสวงหาประโยชน์นั้นมีคนได้มากกว่าแค่นายสามารถ” ทนายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น