ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ จาก “อร่อยจนลืมกลับวัด” ถึง “อวยดิไอคอน” ท่าน ว.ต้องระวังพฤติกรรม “ประจบคฤหัสถ์”
โดน “กรรมเก่า” ไล่ล่าชนิดโหมกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์เสียแล้ว สำหรับ “พระเมธีวชิโรดม” หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี
นับตั้งแต่โดนขุดคลิปเก่า เคยรับกิจนิมนต์ไปเทศนาธรรมที่ “ดิไอคอน กรุ๊ป” แล้วอวยบริษัท ถึงขั้นว่า ถ้าอยากรวยพรุ่งนี้เลย ก็ต้องดิไอคอนแล้ว เล่นเอาทัวร์ลงรับไม่หวาดไม่ไหว จะโพสต์ชี้แจงยังไง ขบวนรถทัวร์ยังก็ยังเรียงรายกันเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน ถึงขั้นตั้งฉายาให้ท่านใหม่ว่าเป็น “บอสพระ” เลยทีเดียว
แถมยังโดน “ทนายกุ้ง” ทนายความในเครือข่าย “ทนายเดชา” ไปแจ้งความเอาผิด ฐานมีเอี่ยวกับขบวนการแชร์ลูกโซ่ “ดิไอคอน” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมา ท่าน ว.ก็ทำพลาด ใส่อารมณ์ตอบโต้ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย แบบแบบเกินเบอร์ไปหน่อย ถึงขั้นกล่าวหา “หนุ่ม กรรชัย” ว่าทำตัวเป็นศาลเตี้ย โหด เหี้ยม เป็น "ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องไปแล้ว" จากเหตุที่ “หนุ่ม กรรชัย” สัมภาษณ์คนใส่ร้ายป้ายสีท่านออกรายการโหนกระแส
ก็ยังดีว่า “หนุ่ม กรรชัย” เป็นอดีตพระที่เคยบวชกับ “ท่าน ว.” มาแล้ว ถือเป็นศิษย์-อาจารย์กัน ฝ่ายศิษย์ก็เลยหยวนๆ ไม่เอาความไปฟ้องร้อง ฝ่ายอาจารย์ก็ลบโพสต์ออกไป ศึกพระดี-พิธีกรดัง ก็เป็นอันยุติลง
แต่ทว่า กรรมเก่ายังตามมารังควาญอีก เมื่อมีเพจดังบางเพจไปขุดเอาภาพ “ท่าน ว.” นั่งสมาธิบนหิมะที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 5 ปีก่อน มาโพสต์ซ้ำ ให้ชาวเน็ตรุมขยี้ซ้ำ ทำนองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแก่สมณะสารูป
โดยเฉพาะ “แพรรี่ ไพรวัลย์” อดีตพระมหาเปรียญ 9 ประโยค เหมือน ท่าน ว.ได้เข้ามาเหน็บแนมว่า นอกจากไปนั่งถ่ายรูปสวยๆ แล้ว ที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่จะปฏิบัติธรรมได้
ก็ยังดีที่ “หลวงพ่อพยอม” พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกมาเคลียร์ให้ว่า ถ้าแค่นั่งบนหิมะตามที่เห็นในภาพก็ไม่ผิดอะไร อาจจะแค่ลองนั่งดู เพราะ“ท่าน ว.” เป็นคนขอบลองชอบศึกษา ไม่ได้ไปอวดอตริ เช่น อ้างว่า ฌาณอาตมาสูง มีสมาธิเหนือความหนาวเหนือความเย็น ถ้าอย่างนั้นจึงจะถือว่าผิด
แต่กรรมเก่าของ “ท่าน ว.” ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะมีข่าวว่า อธิบดีกรมป่าไม้ จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เชียงราย เข้าไปตรวจสอบศูนย์วิปัสสนาสากล “ไร่เชิญตะวัน” ที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองฯ จ.เชียงราย ในวันนี้ (21 ต.ค.) เพราะมีข้อสงสัยว่า ก่อสร้างเกินพื้นที่ ได้รับอนุญาตรวม 143 ไร่ แต่ใช้พื้นที่จริงถึง 190 ไร่ ซึ่งส่วนที่เกินไป 47 ไร่ อาจเข้าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ตรงนี้ จะผิดถูกอย่างไร ก็เป็นส่วนที่ “มูลนิธิไร่เชิญตะวัน” ต้องไปเคลียร์
แต่คดีส่วนตัวของ “ท่าน ว.” เอง ตามที่ “ทนายกุ้ง” อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความในทีมของ “ทนายจุ๊กกรู๊” เดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ไปแจ้งความต่อตำรวจ ปคบ. ไว้นั้น ก็หนักไม่แพ้กัน คือข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เพราะท่านไปเทศน์ แล้วได้รับปัจจัย 1 ล้านบาท
กระนั้นก็ดี ตรงนี้ท่าน ว.อาจพอเบาใจได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญกฎหมายหลายคนก็ให้มุมมองว่าแค่ “ท่าน ว.” ไปเทศน์ที่ ดิไอคอน กรุ๊ป ยังไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด
อย่าง “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ที่เห็นว่า ท่าน ว.วชิรเมธี ไม่ผิด เพราะต้องดูที่เจตนา ถ้าท่าน ว.ผิด คนอื่นๆ ที่เคยรับเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา ก็ผิดหมด แต่ที่เอาผิดแค่ดารา 3 คน ก็เพราะดูที่เจตนา พร้อมการันตีว่า ในฐานะที่เป็นทนายมา 39 ปี เห็นว่าท่าน ว.วชิรเมธี ไม่มีความผิดทางอาญาเลย
ส่วน “ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ” ก็เห็นว่า แค่บอกว่า อยากรวยเร็วก็ ดิไอคอนแล้ว ส่วนตัวยังไม่เห็นเข้าความผิดต่อกฎหมายอะไรเลย อย่าเอาความไม่เหมาะสม กับไม่ถูกกฎหมายมาปนกัน
เพราะถ้าจะเอาผิดในฐานะตัวการแชร์ลูกโซ่ หรือผู้สนับสนุนในแชร์ลูกโซ่ ต้องพิสูจน์เจตนาให้ได้ว่าในขณะพระพูดนั้นพระทราบว่า ดิไอคอน คือ แชร์ลูกโซ่ หากพูดไปโดยไม่ทราบว่า ดิไอคอน คือแชร์ลูกโซ่ ก็ไม่อาจผิดได้เพราะขาดเจตนา
ก็เอาเป็นว่าในเชิงกฎหมาย ท่าน ว.อาจพอเบาใจได้ เพราะถ้าจะเอาผิดท่านต้องพิสูจน์เจตนาให้ได้ว่าที่พูดไปนั้น เพื่อสนับสนุนขบวนการแชร์ลูกโซ่ หรือไม่ ซึ่งก็คงจะยาก ถ้าขึ้นถึงชั้นศาล ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
แต่ในแง่ของความเหมาะสมแก่ความเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า ก็ต้องถือว่า ท่าน ว. คงจะรอดพ้นจากคำตำหนิได้ยาก
ผู้รู้ทางด้านศาสนาหลายท่านก็บอกมาว่า แม้ ท่าน ว.จะจัดว่าเป็นพระรุ่นใหม่ เป็นพระหัวก้าวหน้า รู้วิธีเอาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ จนทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง จะบอกว่าเป็น “พระเซเลบ” ก็คงไม่ผิด
แต่หลายครั้งดูเหมือนท่านจะะพลั้งเผลอ ทำในสิ่งที่เรียกว่า “โลกวัชชะ” หรือ โลกติเตียน อย่างที่ไปพูดว่า “ถ้าอยากรวยเร็ว ก็ต้องดิไอคอนแล้ว” ผู้รู้ทางศาสนา ก็บอกว่า นี่จะเข้าข่าย “ประจบคฤหัสถ์” หรือเปล่า
ในทางพระท่านก็ว่าเป็น “กุลทูสก” ภาษาพระวินัย หมายถึง ภิกษุผู้ประจบเอาใจคฤหัสถ์ ด้วยอาการที่ผิดพระวินัย เพื่อให้เขาศรัทธาในตัว เพื่อหวังลาภผลจากเขา
กรณีที่ของท่าน ว.จะผิดหรือไม่ผิดพระวินัย ก็คงเป็นเรื่องของกระบวนการทางพระที่ท่านจะว่าของท่านไป
แต่ต้องไม่ลืมว่า ท่าน ว.เคยกระทำการอาจเข้าข่าย “ประจบคฤหัสถ์” มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
ขณะไปฉันเพลที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งท่านได้เขียนข้อความใต้ภาพที่ระลึกว่า “อร่อยจนลืมกลับวัด”
แม้ท่านจะชี้แจงภายหลังว่า เป็นแค่การให้กำลังใจลูกศิษย์ก็ตาม.
++ “โค้ชแล็ป” ผู้กุมความลับของ “บอสพอล” โยกเงิน 8 พันล้านหนีอายัด
กรณีการออกหมายจับ 18 ผู้ต้องหา ดิไอคอน กรุ๊ป หนึ่งในคนสำคัญ ที่สังคมให้ความสนใจ คือ “โค้ชแล็ป” จิระวัฒน์ แสงภักดี โปรแกรมเมอร์ ดิไอคอน กรุ๊ป ของ “บอสพอล” ที่พบว่ามีการโอนเงิน 247,911,936 USDT ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล มูลค่า 8,223 ล้านบาท ออกไปก่อนที่จะถูกจับกุมเพียง 1 ชั่วโมง
ซึ่งในแวดวง “ธุรกิจสีเทา” มักใช้วิธีฟอกเงิน หรือโอนเป็นเงินดิจิทัล ทำให้ติดตามเส้นทางเงินได้ยาก
“โค้ชแล็ป” เคยนิยามตัวเองไว้ในเพจ รวยออนไลน์ สไตล์โค้ชแล็ป ว่า จากเด็กเสิร์ฟ สู่โปรแกรมเมอร์ องค์กรพันล้าน และโค้ชสอนการตลาดออนไลน์ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาแอปพลิเคชัน ผู้บริหารธุรกิจไอที ผู้มีประสบการณ์ด้านไอที มามากกว่า 20 ปี รวมทั้งเป็นโค้ช และนักการตลาดออนไลน์ ผู้สร้างนักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่
“โค้ชแล็ป” เป็นกรรมการบริษัท ที่เกี่ยวโยงกับ ดิไอคอนกรุ๊ป คือ บริษัท เซิร์ฟริช จำกัด และ บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด
นอกจากนี้ ยังเป็นโปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนา และวางระบบให้ ดิไอคอนกรุ๊ป ตั้งแต่ปี 2561 จนมาถึงปัจจุบัน
“บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้ง ดิไอคอน กรุ๊ป ได้รู้จักกับ “โค้ชแล็ป” ในช่วงที่เขาเข้าไปทำงานกับ บริษัท เจอเนสส์ ธุรกิจขายตรงจากอเมริกา ของ “ธเนตร วงษา” นักธุรกิจพันล้าน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และเป็นผู้เขียนหนังสือ “ขยันถูกที่ปีเดียวรวย”
“บอสพอล” ทำงาน และศึกษาเทคนิกการขายตรง อยู่กับ “ธเนตร วงษา” ในช่วงปี 2554 ถึงปี 2561 โดยในทีมของ “พอล” นั้นก็มีทั้ง “บอสสวย-บอสปีเตอร์-บอสปัน -บอสแม่หญิง-บอสหมอเอก-โค้ชแล็ป”
เมื่อ “พอล” ออกจาก เจอเนสส์ ในปี 2561 ไปตั้ง “ดิไอคอน กรุ๊ป” ธุรกิจขายตรง ที่ยึดเอาเจอเนสส์ เป็นต้นแบบ ก็ยกทีมงานทีมนี้ ออกไปด้วย
ต่อมา “ดิไอคอน กรุ๊ป” มีการเสริมทีมโดยดึงเอาดารา มาเป็นพรีเซนเตอร์ และเป็น “บอส” ในสายงานต่างๆ เพื่อเป็นตัวดึงดูด สร้างความน่าเชื่อถือให้กับ “คนอยากรวย” จนธุรกิจเติบโตเป็นหลักพันล้าน หมื่นล้านในเวลาไม่กี่ปี
แต่ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ดำเนินกิจการมาได้ประมาณ 6 ปี ก็เกม บรรดา “บอส” ทั้งหลายถูกออกหมายจับ รวม 18 คน ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และมีแนวโน้มว่าจะถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในเรื่องฟอกเงิน -ผิดพ.ร.ก.เงินกู้ กระทั่ง อั้งยี่ ซ่องโจร
ก่อนที่ โค้ชแล็ป จะถูกจับกุม เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้บุกตรวจค้น บริษัท เช่าเก็บข้อมูลระบบคลาวด์ของ โค้ชแล็ป จุดแรก ที่ย่านนวมินทร์ เพื่อทำการสำรองข้อมูล กิจกรรมเกี่ยวกับบริษัททั้งหมด
จุดที่ 2 อยู่ที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นอาคาร 4 ชั้น ของบริษัทเซิร์ฟริช จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของโค้ชแล็ป หลังมีข้อมูลทางลับว่า บริษัทเซิร์ฟริช มีการขนย้ายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์บางส่วนออกไป จากบริษัท ตั้งแต่เมื่อวัน 12 ต.ค. เบื้องต้นการตรวจค้นทั้งสองจุด คาดว่ามีข้อมูลจำนวนมาก อาจรวมถึงรายชื่อของสมาชิกของบริษัทดังกล่าวกว่า 300,000 รายชื่อ
จัดได้ว่า “โค้ชแล็ป” เป็นผู้กุมความลับ ทั้งข้อมูลบริษัท และข้อมูลด้านการเงินของ ดิไอคอน กรุ๊ป จึงสามารถโอนเงินกว่า 8,223 ล้านบาท ออกไปได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนที่จะถูกจับกุม และมีการอายัดทรัพย์ตามมา