xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”อาการหนัก กบดานเงียบ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

หลายคนกำลังตั้งคำถามว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ไม่เห็น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวในที่สาธารณะ รวมไปถึงมีความเคลื่อนไหวที่แสดงออกในทางการเมืองเลย ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา เช่น ไม่ต้องการบดบังรัศมีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะยิ่งปรากฏตัวมากเท่าใด ก็ยิงทำให้นายกรัฐมนตรีไม่มีความหมาย หลังจากที่ผ่านมาถูกมองว่าเป็น “นายกฯตัวจริง” และเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง

อย่างที่สอง เป็นเพราะสถานะของ นายทักษิณ ชินวัตร ในระยะหลังเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเสี่ยงคุก และอาจโยงไปถึงการยุบพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เริ่มจากกรณีร้องเรียนจาก “ป่วยทิพย์” บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่เวลานี้เริ่มงวดเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบว่า “ป่วยจริง” รวมทั้งการใช้สิทธิ์เหนือคนอื่น ขัดต่อหลักการความเสมอภาคทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาทาง ป.ป.ช.ได้ขอหลักฐาน ภาพถ่ายจากกล้องจรปิดจากโรงพยาบาลตำรวจ และขอหลักการอนุมัติการส่งตัว และมาตรการการดูแลนักโทษระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล เป็นต้น

ขณะเดียวกัน หลังจากการออกมาเปิดโปงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจถึงสองครั้ง และมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมาเขาได้เข้าให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อทั้งตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแพทย์บางคนในโรงพยาบาลตำรวจ อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ใน 6 กรณีของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2

โดยเนื้อหาสำคัญหลักอยู่ที่ข้อที่ 1 เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ให้รัฐบาลจัดที่พักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้ทักษิณ เข้าพักระหว่างต้องโทษจำคุก จึงเป็นการบ่อนทำลายพระเกียรติยศสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนข้อที่ 2 ถึง 6 ให้วินิจฉัยพฤติการณ์แวดล้อม กรณีครอบครอง ครอบงำ พรรคเพื่อไทยให้ทำตามความต้องการของทักษิณ

ในตอนท้ายคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการใช้พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือ กระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์

ให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการการดำเนินงานของพรรคผู้ถูกร้องที่ 2 และให้ผู้ถูกร้องที่ 1 เลิกใช้พรรคผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นต้น

นั่นเป็นข้อร้องเรียนที่มีผลทางกฎหมาย เสี่ยงต่อคุกตะราง และเสี่ยงต่อการยุบพรรคเพื่อไทยตามมา รวมไปถึงอาจกระทบไปถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

แต่ล่าสุด ยังมีกรณีคดีสลายการชุมนุมที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน กำลังกลับมาหลอกหลอน นายทักษิณ ชินวัตร อีกรอบ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคที่เขาและพรรคไทยรักไทย (เพื่อไทยในปัจจุบัน) เป็นรัฐบาล ที่กลายเป็นบาดแผลในใจของชาวบ้านในพื้นที่ มีผลต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาจนถึงทุกวันนี้

และน่าจับตาก็คือ จำเลยหลายคนล้วนเชื่อมโยงกับนายทักษิณ ทั้งในระดับส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพื่อนร่วมรุ่นนายตำรวจ นายทหาร แม้ว่าล่าสุด ส.ส.ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ได้ลาออกจากตำแหน่งส.ส.ไปแล้วก็ตาม แต่ก่อนหน้านั้น มองว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล รู้เห็นเป็นใจให้ผู้ต้องหา หรือจำเลยหลบหนี จนหมดอายุความ ซึ่งยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น

กรณีที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบในทางลบกับ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับกรณีถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และที่ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพราะนั่นมีความเสี่ยงต่อการกลับไปติดคุกตะรางอีกรอบ รวมไปถึงเสี่ยงต่อการยุบพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงเสี่ยงต่อการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อีกด้วย

แม้ว่าที่ผ่านมามีคนในพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความเห็นแบบไม่ให้น้ำหนักหรือให้ราคากับการร้องเรียนดังกล่าว โดยเฉพาะคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำนองว่า เลอะทอะ อะไรประมาณนั้น แต่หากพิจารณาให้ดีแล้ว อาจเป็นความรู้สึกแบบตรงกันข้ามในทางหวั่นไหว ก็เป็นไปได้มาก

เพราะในทางกลับกัน กรณีร้องศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ให้รัฐบาลจัดที่พักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้ทักษิณ เข้าพักระหว่างต้องโทษจำคุก จึงเป็นการบ่อนทำลายพระเกียรติยศสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนข้อที่ 2 ถึง 6 ให้วินิจฉัยพฤติการณ์แวดล้อมกรณีครอบครอง ครอบงำพรรคเพื่อไทย ให้ทำตามความต้องการของทักษิณ หากพิจารณาตามความเป็นจริงเชื่อว่า เป็นสิ่งที่สังคมทั่วไปมองเห็นกันอยู่

อีกทั้งกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับ “ป่วยทิพย์บนชั้น 14” ต่อป.ป.ช. รวมทั้งการไปให้ปากคำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส คนที่เคยยืนยันว่าเคยไปเยี่ยม นายทักษิณ มาแล้วถึงสองครั้ง ถือว่ามีน้ำหนัก และน่าจะมีหลักฐานมัดตัวได้ดีทีเดียว

ดังนั้น จะด้วยหลายกรณีดังกล่าวที่รุมเร้าเข้ามา เหมือนกับไล่ต้อนล้อมกรอบเข้ามาในวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ ประกอบกับสถานการณ์ของรัฐบาลที่ยังไม่ค่อยดีนัก ยังไม่มีแนวโน้มมีผลงานออกมาในทางบวกมากนัก และการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่น่าประทับใจนัก เสียงสะท้อนจากสังคมภายนอกยังไม่ค่อยปัง ตรงกันข้าม มีแต่เสียงวิจารณ์ตั้งคำถามในเรื่อง วุฒิภาวะ และความรู้ความสามารถ จนน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ นายทักษิณ ต้องกบดานเงียบผิดสังเกต !!


กำลังโหลดความคิดเห็น