ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "สุริยะ-จิรุตม์" จะทำกี่โมง!? สังคยานามาตรฐานความปลอดภัยรถติดแก๊ส
บทเรียนจากโศกนาฏกรรมรถบัสไฟไหม้ ครูและนักเรียนเสียชีวิต 23 ราย ถึงวันนี้สังคมยังไม่เห็น "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ"รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม "จิรุตม์ วิศาลจิตร" อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะทำอะไรจับต้องได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก
นอกจากทำแค่ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง และเด้งข้าราชการตัวเล็กตัวน้อยกรมการขนส่ง “สุริยะ และ จิรุตม์” ต่างก็เงียบกริบ! ซึ่งก็คงจะหวังว่า เดี๋ยวสังคมไทยก็คงลืม เพราะคนไทยลืมง่าย
ยิ่งตอนนี้ผู้คนเฮละโลไปสนใจกระแสคดี "บอส" ดิไอคอน ที่กลบกลืนทุกข่าว ยิ่งทำให้ "สุริยะ" และ อธิบดีฯ ที่ตกเป็นเป้าถูกถาม "จะรับผิดชอบกี่โมง!?" หายใจโล่งอก
แต่... “สุริยะ -จิรุตม์” ขอให้เชื่อเถอะว่า เรื่องนี้คนไทยจะไม่มีวันลืมง่ายๆ เพราะ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้น และ เป็นอีกครั้งที่ร้ายแรงทำให้ประชาชนสูญเสีย เพียงเพราะ "ละเว้น"และ "ไม่ปฏิบัติหน้าที่" อย่างตรงไปตรงมา ของเจ้าหน้าที่ และ ความไม่เอาใจใส่ของผู้ใหญ่กรมการขนส่งทางบก ตลอดจนเจ้ากระทรวง
พูดง่ายๆ ตราบที่คมนามคม ไม่มีในความตระหนักที่จะยกระดับ "มาตรฐานความปลอดภัย" ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สังคมก็จะเฝ้าทวงถามและติดตามทั้ง "สุริยะ" และ "จิรุตม์" ไปตลอด
ความปลอดภัยต้องมาก่อน คมนาคมต้องสังคายนา เรื่องความปลอดภัยของรถติดแก๊ส ไม่ให้เป็นระเบิดติดล้อ
ดังเช่น ประเด็น "มาตรฐานวาล์วที่หัวถัง" ของรถ โดยเฉพาะที่ติดก๊าชเอ็นจีวี ที่ปล่อยปละละเลยมานาน
งานนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยรัฐบาล "ทักษิณ ชินวัตร" ที่ "สุริยะ" ร่วมหัวจมท้ายมาโดยตลอด ต้องการที่จะสนับสนุน NGV ในภาคขนส่งทั้งรัฐ และเอกชนใช้
ถึงกับสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึง “มาตรการบังคับ” ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด
ทั้ง แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส,รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ จึงติดตั้งกันมาตั้งแต่บัดนั้นยันมาถึงวันนี้
ทว่า การติดก๊าซ NGV กลับกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่าสากล และต่ำกว่าก๊าซ LPG ที่ใช้อยู่ก่อน โดยกำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหน ระหว่าง “วาล์วแบบอัตโนมัติ” หรือ จะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด”
แน่นอนว่า เมื่อรัฐอนุญาตและให้เลือก ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ราคาถูกกว่า
ไม่มีใครคำนึงถึงความปลอดภัย มีแต่คำนึงถึงต้นทุนที่ต่ำ เพื่อทำกำไร!
หลังเกิดเหตุร้ายแรงก็โยนความผิดกันไป-มา
มาตรฐานวาล์วที่หัวถังเป็นเรื่องสำคัญมาก และ ถือเป็นอันตรายหากไม่ทำอะไรสักอย่าง
หลายประเทศในยุโรปใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนไทย เขามีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า
ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และ เมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที
ที่ผ่านมาการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ใช้วาล์ว “อัตโนมัติ” มาตรฐานปลอดภัยยุโรป แต่ การติดตั้งก๊าซ NGV ใช้วาล์วปิดเปิดด้วย “มือ” มาตรฐานแบบไทยๆ
นี่เป็นไฟต์บังคับ ที่ "สุริยะ" และ "จิรุตม์" อธิบดีกรมการขนส่ง ต้องทบทวน และ ลงมือสังคยานา กฎ ระเบียบต่างๆทันที
อย่ารอให้คนถาม จะทำกี่โมง !?
++ “บิ๊กต่าย”เฉียบขาด ฉับไว บอสพอล-บอสดารา ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว
กรณี The icon ธุรกิจขายตรงซ่อนเงื่อน แฝงแชร์ลูกโซ่ไว้อย่างเนียนๆ ทำเอาประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ตอนนี้มีมาแจ้งความ ร้องทุกข์ ใกล้หลักพันแล้ว ไม่แน่ในอนาคตอาจถึงหลักหมื่น มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท และยังมีทีท่าเพิ่มขึ้นไม่หยุด อาจทะลุหลักพันล้านก็ได้
ในขณะที่การทำงานของตำรวจ ยุค“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ก็คึกคัก ฉับไว ผิดหูผิดตา อย่างน่าชื่นชม
“บิ๊กต่าย” กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องยืนอยู่ข้างประชาชน สั่งระดมพนักงานสอบสวนไว้รองรับ เร่งสอบปากคำผู้เสียหาย... ทำหนังสือถึง เลขาฯปปง. ให้ระงับธุรกรรมทางการเงินของ “บิ๊ก ดิไอคอนกรุ๊ป” เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาบรรดา “บอส”ดาราทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้อง
สั่งเพิ่มช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของผู้เสียหาย ที่นอกจากจะมาแจ้งด้วยตัวเองที่ “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน (บก.ปคบ.)” ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ (ตึกกองปราบ) แล้ว ยังสามารถแจ้งความได้ที่ สถานีตำรวจ (สน./สภ.) ใดก็ได้ที่สะดวก โดยพนักงานสอบสวน จะทำการสอบปากคำ รวบรวมความเสียหาย และพยานหลักฐาน ส่งมายัง บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการต่อไป หรือ จะแจ้งความ ผ่านระบบออนไลน์ ทาง www.thaipoliceonline.go.th ก็ได้
ต่างกับ “สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค” หรือ สคบ. ที่พอมีผู้ไปร้องเรียน ขอความช่วยเหลือ ดันลอยแพผู้ที่กำลังได้รับความทุกข์ แถมตีความกฎหมาย เข้าข้าง The icon หน้าตาเฉย ไล่ให้ผู้บริโภคไปฟ้องกันเอาเอง
แล้วต่อมายังมีคลิปเสียงหลุด เรื่องการติดสินบน คนระดับ ผอ.ของ สคบ. อีกต่างหาก!!
งานนี้ สคบ.ต้องกลับตัวกลับใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนจริงๆ หรือจะรอให้ตำรวจไปช่วยกวาดบ้านให้
“จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สคบ. พอได้ยินข่าวเข้าหู ก็รีบสั่งการฉับไว ให้ยกเครื่องการทำงานของสคบ.ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่มานั่งรอดูตัวเลขงบดุลฯ ประจำปีอย่างเดียว
สคบ.ต้องทำงานเชิงรุก เข้าไปตรวจสอบความซับซ้อนของธุรกิจใหญ่ๆ รวยเร็ว ว่าซ่อนแชร์ลูกโซ่ไว้หรือไม่ ไม่ใช่เอะอะก็ว่า เป็นแค่ธุรกิจขายตรง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมิจฉาชีพ
สำหรับการทำงานของตำรวจนั้น ขณะนี้ถือว่าคดีมีความคืบหน้าไปรวดเร็วมาก รวมทั้งบรรดา “บอส” ของ The icon ก็ถูกกดดัน จนต้องรีบมาแสดงตัว ให้ปากคำกับตำรวจกันเป็นแถว
ทางหนีทีไล่ของเหล่าดารา “บอส” ทั้งหลาย จะออกไปในทางเดียวกันว่าตัวเองเป็นแค่เป็น “พรีเซนเตอร์” เป็นแค่ “คนรับจ้างทำของ” ไม่ได้เป็นหุ้นส่วน หรือเป็นผู้บริหาร แต่ที่มีคำนำหน้าว่า “บอส” นั้นเป็นการให้เกียรติกันเฉยๆ
ขณะที่คนในสังคมก็ลุ้นกันว่า สุดท้ายแล้ว ดาราที่ร่ำรวยด้วยเลือดและน้ำตาของเหยื่อเหล่านั้น จะมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ให้หนีรอดไปได้หรือไม่ ?
เมื่อเทียบเคียงกับคดี แชร์ลูกโซ่ก่อนหน้านี้อย่าง “Forex-3D” ที่ดาราระดับนางเอกอย่าง “พิงกี้” สาวิกา ไชยเดช และนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ อย่าง “ใบเตย อาร์สยาม” ถือเป็นตัวละครสำคัญ
จะเห็นว่า “พิงกี้”และ“ใบเตย” โดนข้อหา และต้องเดินคอตกไปนอนคุก แม้เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการแชร์ลูกโซ่ของ Forex-3D เพียงผิวเผิน
แค่เป็นพรีเซนเตอร์ ให้ประชาชนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ Forex-3D เท่ากับ พิงกี้และใบเตย มีความผิดสำเร็จ
หากพิจารณาในมาตรฐานนี้ละก็ “บอสกันต์” กันต์ กันตถาวร “บอสแซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี “บอสมีน” พิชญา วัฒนามนตรี มีโอกาสสูงทีเดียว ที่จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกันกับ “พิงกี้-ใบเตย”
ล่าสุด “พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์” รอง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ “พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน” ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) แถลงความคืบหน้าคดี ดิ ไอคอน ว่าในช่วง 4 วันที่ผ่านมา มีผู้มาแจ้งความประมาณ 800 ราย ความเสียหาย 266 ล้าน
และที่ผ่านมา ก็มีระดับ“บอส”และ“แม่ทีม”หลายคน ได้มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำแล้ว
ในจำนวนนี้ มีอยู่ 6 ราย ที่ถือว่าเป็นผู้ต้องหาแล้ว คือ “บอสพอล-บอสแซม-บอสกันต์- บอสมิน- บอสหมอเอก และ บอสปีเตอร์” เพียงแต่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเท่านั้น เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน และอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เสียหาย
ต้องติดตามว่า บรรดา“บอส”เหล่านี้ จะหนีข้อหา“ฉ้อโกงประชาชน” ไปได้หรือไม่ !!