เมืองไทย 360 องศา
การขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าเป็น “ความหวังใหม่” ของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน ใหม่และเก่า อีกทั้งมีปัจจัยสนับสนุนแทบทุกอย่างมีอยู่รอบตัว ทำให้คาดกันว่า การเป็นผู้นำประเทศที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ จะต้องเป็นอย่างราบรื่น และยาวนาน
ปัจจัยทางการเมืองที่เอื้ออำนวย หากพิจารณาจากสภาพการเมืองที่แบ่งเป็น “สองขั้ว” ชัดเจน นั่นคือ ฝั่งที่เรียกว่า “อนุรักษ์นิยม (ใหม่)” ที่พรรคเพื่อไทย ของครอบครัว “ชินวัตร” ของนายกรัฐมนตรี ถูกบีบเข้ามารวมอยู่ในกลุ่มนี้ และกำลังกลายเป็น “ผู้นำ” ไปด้วยปริยาย รวมไปถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้เป็นหลัก
ขณะที่อีกฝ่าย นำโดยพรรคประชาชน ที่มีความต้องการที่เรียกว่า “ปฏิรูปสถาบัน” ต้องขับเคี่ยวกับอีกฝ่ายต่อเนื่องไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อวกกลับมาที่ “ความคาดหวัง” ของประชาชนกลุ่มที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย สนับสนุนครอบครัวชินวัตร ที่นำโดย นายทักษิณ ชินวัตร และผสมรวมไปถึงผู้สนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลในสายอนุรักษ์นิยมมาแต่เดิม เหมือนกับว่ากำลังถูกบีบให้ไหลมาทางนี้ ที่มี “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้นำ และเป็นผู้แทน
ในตอนแรกความเป็นลูกของนายทักษิณ ชินวัตร ดูเหมือนว่าทุกอย่างในช่วงเริ่มต้นเป็นไปด้วยความราบรื่น การก้าวขึ้นมาทีละสเต็ป เป็นไปด้วยดี ไม่ว่าเริ่มจากเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แคนดิเดตนายกฯ มาจนถึงขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่สุด และยังมีการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นผู้นำอายุน้อยที่สุด
ขณะเดียวกัน การขึ้นมาของเธอล้วนถูก“ตั้งความหวัง” ไว้สูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นลูกของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เคลมว่าสร้างผลงานจนประสบความสำเร็จ มีนโยบายที่ตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา เพราะแม้แต่นโยบายพรรคเพื่อไทย ก็มักจะ “โชว์เหนือ” ไม่ว่าจะเป็นวลีที่ว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” หรือแม้แต่คำพูดช่วงหาเสียงที่ปลุกเร้าให้คนไทย “มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” สารพัด เชื่อว่าคนไทยต้องไปไกลแน่ ภายใต้การบริหารพรรคเพื่อไทย และน.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่เป็น “คนรุ่นใหม่”
อย่างไรก็ดี เมื่อตัดภาพมาในปัจจุบัน เวลาผ่านมาเพียงแค่ราวเดือนเศษ ทุกอย่างกำลังกลายเป็นตรงกันข้าม กลายเป็นว่า “ความคาดหวัง” กำลังจะกดดันเธอให้จมดินเรื่อยๆ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังถูกตั้งคำถามในเรื่องของความรู้ความสามารถ ทำให้ชาวบ้านเริ่มไม่เชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ เรื่องราวในอดีตก็เริ่มกลับมาหลอกหลอน น.ส.แพทองธาร มากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์” กรณี “ข้อสอบรั่ว” หรือแม้แต่กรณี “นักโทษเทวดา” ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่โยงมาถึงตัวเธอ ก็เป็นภาพลักษณ์ในทางลบ ที่ประดังเข้ามา
ภาพของการตอบคำถาม ภาพของการพบปะผู้นำต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ล้วนเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า เธอขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ แม้ในระดับความรู้พื้นฐานที่ทุกคนพึงมี แต่กลับเป็นภาพของการ“ท่องจำ” จ้องโพยในไอแพด จนสร้างความขบขัน ถูกนำไปล้อเลียนกันในโลกโชเชียลฯ อย่างสนุกสนาน
แน่นอนว่า สำหรับผู้นำประเทศย่อมเป็นเรื่องไม่ดี ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น ทำให้กลายเป็นว่า ในแต่ละวันจะต้องมาเสียเวลากับการให้คนรอบตัวต้องออกมาชี้แจง แก้ต่างตลอดเวลา
ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นดังกล่าวกับตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังทำลายความเชื่อมั่นลงไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน จะกลายเป็นความกดดันตัวเอง ทำให้ “ไม่มั่นใจ” เนื่องจากถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่า ยิ่งกดดัน ก็ยิ่งพลาดหนักมากกว่าเดิม ยิ่งหากไม่มีความสามารถเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ก็ยิ่งไปกันใหญ่
มีหลายคนเริ่มนำมาเปรียบเทียบกัน ระหว่าง น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ โดยเฉพาะแม้แต่ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีภาพลักษณ์ในเรื่องขยันทำงาน แบบไม่ค่อยมีวันหยุด แต่สำหรับ น.ส.แพทองธาร กลับเห็นว่าในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แทบจะไม่เห็นความเคลื่อนไหว แต่จะออกมาในในแบบ วันครอบครัว มักมีการโพสต์ภาพกับลูกๆ หรือมีการโพสต์ข้อความ ตอบโต้ในสื่อโซเชียลฯ มากกว่า
ขณะที่ผลงานของรัฐบาล ก็ยังถือว่าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่ไม่ตรงปก กลายสภาพมาเป็น “แจกเงินสด” ให้กับบางกลุ่ม ที่เรียกว่า“กลุ่มเปราะบาง” ก่อน ขณะที่เฟสต่อไป ยังไม่มีความชัดเจน จนส่อเค้าว่าน่าจะไม่มีแล้ว เนื่องจากปัญหาเรื่องงบประมาณ และเสี่ยงผิดกฎหมาย และหากพิจารณาจากความคาดหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนโยบายดังกล่าว เอาเข้าจริงดูเหมือนว่าทุกอย่างเงียบมาก ไม่ได้เป็นพายุหมุน จนถูกเยาะเย้ยว่าเป็นแค่ “หย่อมความกดอากาศต่ำ” เท่านั้น
แม้แต่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่กำหนดเพียงแค่วันละ 400 บาท ที่เคยกำหนดเอาไว้ว่า จะดีเดย์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
เมื่อวัดจากผลงานด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง นาทีนี้ยังถือว่ารัฐบาลของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังต้องพิสูจน์อีกมาก เพราะชาวบ้านยังมีความรู้สึกว่า “ไม่ปัง” อย่างที่คุยโม้เอาไว้ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และเคยวิจารณ์รัฐบาลก่อน ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้อย่างเสียๆ หายๆ แต่พอมาในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับทำไม่ได้อย่างที่พูด มิหนำซ้ำยังปัดฝุ่นนโยบายของรัฐบาล“ลุงตู่”มาใช้
ดังนั้นหากพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว นาทีนี้ “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กำลังถูกกดดันอย่างหนัก จากความคาดหวังของชาวบ้าน แต่ผลที่ออกมาไม่ปังอย่างที่คาด โดยเฉพาะในเรื่องความรู้ความสามารถ ที่ถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาทำลายตัวเธอ รวมไปถึงกระทบไปถึงเครดิตของพ่อ คือ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องสูญสิ้นไปในคราวเดียวกันด้วย ล่าสุดเริ่มมีคำถามแล้วว่า เธอจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน !!