xs
xsm
sm
md
lg

พปชร.ชี้ รัฐให้ข้อมูล NGV สุดปลอดภัย หวังแค่กระตุ้นยอดขาย หย่อนมาตรฐาน ทัศนศึกษาแค่ปลายเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พปชร. มองรัฐให้ข้อมูลก๊าซ NGV สุดปลอดภัย หวังแค่กระตุ้นยอดขาย จนหย่อนมาตรฐานความปลอดภัยลง ย้ำ ยกเลิกทัศนศึกษาแค่ปลายเหตุ ควรแก้ระเบียบให้รัดกุม ปลอดภัย



วันนี้ (8 ต.ค.) ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และ น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนทำให้ครูและนักเรียนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ว่า จริงๆ แล้ว การใช้ก๊าซเอ็นจีวีในยานยนต์มีเป็นปกติทั่วโลก แต่คำถามคือทำไมยานยนต์ที่ติดก๊าซ NGV ในประเทศไทยถึงเกิดโศกนาฏกรรมอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีผู้เสียชีวิตมาแล้วเกินกว่า 100 ราย ส่วนกรณีนี้รถบัสเพลาหักเชี่ยวชนขอบทางจนท่อก๊าซของถังที่ 8 หลุด ถ้าเป็นตามมาตรฐานยุโรป ระบบก๊าซตัดการจ่ายก๊าซจากหัวถังทันที ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ได้

“ผมจึงเกิดข้อสังเกตว่า เหตุใดก๊าซจึงไม่ตัดการจ่าย ดังนั้น เมื่อเกิดประกายไฟจึงเกิดเพลิงลุกไหม้รุนแรงทันทีจากแก๊ซแรงดันสูงที่พุงออกจากถัง เกิดโศกนาฏกรรมครั้งที่คนไทยลืมเลือนได้ยาก” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปี 2547 ภาครัฐต้องการโปรโมตการขาย NGV จึงออกกฎเกณฑ์ที่หย่อนยาน และบิดเบือนเรื่องอันตรายของการใช้ก๊าซชนิดนี้ ทำให้อุบัติเหตุของรถที่ไม่รุนแรงกลับนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง การรณรงค์จากหน่วยงานของรัฐด้านพลังงาน ทำให้คนชะล่าใจเรื่องความปลอดภัย เช่น การรณรงค์ว่า ก๊าซ NGV ไม่ติดไฟง่ายจึงปลอดภัยกว่า น้ำมันเบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม คำโฆษณาของรัฐดังกล่าว เป็นเรื่องทางทฤษฎีในสภาพอุดมคติที่ไม่มีประกายไฟ แต่ในความเป็นจริงเมื่อเกิดอุบัติเหตุย่อมมีประกายไฟเกิดขึ้น หากท่อก๊าซ NGV รั่ว เช่นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จะเกิดไฟไหม้รุนแรงทันทีในอุณหภูมิปกติ

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ว่า ก๊าซ NGV เบามากเมื่อการรั่วไหล จะกระจายตัวลอยขึ้น สู่อากาศไม่เป็นอันตราบเพราะไม่สะสมบนพื้นจนเกิดไฟลุกไหม้เหมือนเชื้อเพลิงอื่น ซึ่งเป็นจริงทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติตามกฎหมายไทยจะนำไปสู่หายนะ เพราะหน่วยงานรัฐอนุญาตให้ติดตั้งถังใต้ท้องรถรวมถึงในห้องโดยสาร ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติท่อก๊าซรั่ว ก๊าซลอยขึ้นจริง แต่พุ่งขึ้นสู่ห้องโดยสารจนเกิดเพลิงไหม้ทั้งคัน ยากที่จะมีผู้รอดชีวิต หรือการรณรงค์จากองค์กรของรัฐให้ใช้คำว่า ก๊าซ NGV ซึ่งหมายถึงรถใช้ก๊าซธรรมชาติ แทนที่จะใช้คำที่ถูกต้อง คือ CNG ซึ่งหมายถึงก๊าซธรรมชาติอัดแรงดัน ซึ่งต่างประเทศจะให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมากเป็นพิเศษ เพราะก๊าซแรงดันสูงมาก มาตรฐานความปลอดภัยต้องสูงมากเช่นกัน แต่ไทยกลับตั้งมาตรฐานความปลอดภัยการใช้ก๊าซ NGV ที่ต่ำกว่า

“การรณรงค์ของรัฐเพื่อโปรโมตการขายก๊าซ NGV ทั้ง 3 ประการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่า NGV ปลอดภัยมากที่สุดนี้ ย่อมทำให้ประชาชนและหน่วยงานที่กำกับดูแลชะล่าใจถึงภัยอันตรายจากการใช้ก๊าซชนิดนี้ และนำไปสู่ความประมาทในที่สุด” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ม.ล.กรกสิวัฒน์ ยังกล่าวถึงกฎระเบียบที่ไม่รัดกุมซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ เช่น การติดตั้งถัง NGV ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก 2565 สามารถเลือกได้ถึง 3 มาตรฐาน จะเข้มงวดตามยุโรป หรือหย่อนยานแบบไทยๆ ก็ได้ ปรากฏตามข้อ 3 และสามารถติดตั้งถัง NGV ในห้องโดยสาร ช่องเก็บสัมภาระได้ปรากฏตาม 4 ของประกาศ โดยข้อ 3 ระบุว่าการติดตั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

1. ข้อกำหนดของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของยุโรปแห่งสหประชาชาติ ECE R110 2. มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเช้ือเพลิงในยานยนต์ มาตรฐานเลขที่ มอก.2333
3. มาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน เลขที่ ISO ๑๕๕๐๑
4. การติดต้้งถังหรือเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบให้ปฏิบัติตามวิธีการ โดยถังที่ติดตั้งภายในห้องผู้โดยสาร ห้องผู้ขับรถ ห้องเก็บสัมภาระหรือที่ซึ่งอากาศถ่ายเทไม่สะดวก ต้องมีเรือนกักก๊าซ (gas tight housing) ที่ติดอยู่ที่ถัง เพื่อป้องกันก๊าซรั่วซึมออกสู่บริเวณห้องที่ติดต้ัง และต้องมีท่อระบายก๊าซ (ventilation hose) สาหรับระบายก๊าซที่รั่วซึมออกนอกตัวรถ

ในส่วนของอุปกรณ์ความปลอดภัยที่แตกต่างกันระหว่าง มาตรฐานยุโรป ECE R110 และ มอก.2333 ซึ่งมาตรฐาน ECE R110 กำหนดว่า อุปกรณ์หัวถังต้องมีทั้ง 4 อย่างดังนี้ 1. ลิ้นเปิด ปิดด้วยมือ 2. ลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาล์วไฟฟ้า) เพื่อตัดการจ่ายก๊าซกรณีก๊าซรั่ว 3. อุปกรณ์จำกัดการไหล และ 4. อุปกรณ์ระบายความดัน

ส่วน มอก.2333 ขัอ 4.1 การออกแบบกำหนดว่า
เรื่องอุปกรณ์หัวถังระบุว่า ต้องมีลิ้นเปิดปิดด้วยมือ หรือ ลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ การใช้คำว่า ”หรือ” นั่นหมายความว่า มาตรฐานไทยไม่ต้องมีวาร์วไฟฟ้าเพื่อตัดการจ่ายก๊าซกรณีก๊าซรั่วก็ได้ ใช่หรือไม่ นอกจากนี้ ในภาคผนวก ก ข้อ ก 3 ระบุว่า การควบคุมการรั่วของก๊าซกรณีท่อแตก ทำได้ 3 แนวทาง คือ 1. ตัดการไหลของก๊าซจากถังแต่ละใบ 2. จำกัดการไหลด้วยอุปกรณ์จำกัดการไหล และ 3. ปล่อยก๊าซออกจากถังอย่างอิสระ
จากระเบียบเช่นนี้ ตัดการไหลของก๊าซจากถังแต่ละใบ เมื่อท่อก๊าซรั่วซึ่งสำคัญต่อชีวิตคน จึงเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญ คือ ปล่อยก๊าซออกจากถังอย่างอิสระนั้นเป็นแนวทางหนึ่งที่กฎหมายกำหนด

“การโยนความผิดให้เอกชนเพียงฝ่ายเดียวแล้วจบเรื่องนี้ไป เป็นเพียงปลายเหตุของปัญหา เพราะต้นเหตุเกิดจากรัฐบาลตั้งแต่ปี 2547 ที่พยายามผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV จนมีการย่อหย่อนมาตรฐานความปลอดภัยลง เพื่อให้ประชาชนหันไปติดก๊าซชนิดนี้กับยานยนต์มากขึ้น โดยผู้ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้มีเพียงองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องกับก๊าซ NGV เท่านั้น” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน น.ส.บุณณดา กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศยกเลิกทัศนศึกษาว่า พรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกทัศนศึกษา เพราะจะเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้โลกนอกห้องเรียน และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงขอเสนอแนะให้ปรับปรุงระเบียบ ดังนี้
1. กำหนดระดับชั้นและระยะทางให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย
2. กำหนดสัดส่วนจำนวนครูผู้ดูแลที่เหมาะสม
3. ก่อนการเดินทาง ต้องซักซ้อมแผนฉุกเฉิน ทดสอบประตูฉุกเฉิน
4. กำหนดมาตรฐานยานพาหนะให้สูง และมีหลักฐานการตรวจสอบจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

“เด็กเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดของประเทศ เราทุกคนมีหน้าที่ต้องหวงแหน ป้องกัน และพัฒนา” น.ส.บุณณดา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น