xs
xsm
sm
md
lg

ดรามา"นายกฯแท็บเล็ต" อุ๊งอิ๊งค์ ไม่ทน ฟาดกลับ ผู้นำทุกคนก็อ่านกันหมด ** เช็กชื่อผู้ต้องหา“ตากใบ” หนีเข้ากลีบเมฆ ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ ยังจับใครไม่ได้สักคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร - จิรายุ ห่วงทรัพย์- พิชัย นริพทะพันธุ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว



++ ดรามา"นายกฯแท็บเล็ต" อุ๊งอิ๊งค์ ไม่ทน ฟาดกลับ ผู้นำทุกคนก็อ่านกันหมด

ดรามาพลันบังเกิดในโลกโซเขียลฯ หลังปรากฏภาพ นายกฯ"อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ก้มหน้าก้มตาอ่านสคริปต์ บนแท็บเลต ระหว่างเจรจากับผู้นำต่างประเทศ

ชาวเน็ตหยิบเอามาล้อกันสนุกสนาน และต่างแสดงความเห็นไปในทาง "ไม่ปลื้ม"

บางรายถึงกับด้อยค่าว่า “อย่างน้อยศึกษาข้อมูลให้มีในสมองบ้างครับ ก้มหน้าอ่านจากไอแพด มันดูน่าขายขี้หน้าประเทศ ประยุทธ์ ว่าแย่แล้ว คนนี้แย่พอกัน หรือแย่กว่าด้วย”

เล่นเอาดีกรีความแรงของ "นายกฯไอแพด" โหมกระพือ ลุกลามไปเป็นวงกว้าง

กระทั่งร้อนฉ่าขึ้นเมื่อมีผู้ใช้โซเชียลฯ นาม "ingshin21" ซึ่งเป็นของนายกฯอุ๊งอิ๊ง เองเข้ามาตอบว่า... “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ รบกวนดูข่าว+หาข้อมูลเยอะๆ นะคะ เวลาประชุมแบบนี้ ทั่วโลกเค้าอ่านกันค่ะ มันเป็น commitment เป็นสิ่งที่ต้องบันทึกค่า อ่านทุกคน ตั้งแต่ sheikh ถึง minister เลยค่ะ ลองหาข้อมูลเพิ่มดูเนาะ ถ้าเป็น bilateral ส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วก็พูดคุยกัน แบบไม่ต้องอ่านจะเกิดการสร้าง connection ที่ดีค่ะ ดูแค่หัวข้อให้ครบถ้วน ไม่มีใครแย่กว่าใครหรอกค่ะ ทุกคนมีความสามารถกันคนละด้านค่ะ เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลง จะมีความสุขขึ้นค่ะ”

ตามด้วยคำขอชี้แจงว่า ชี้แจงหน่อยแล้วกันเนาะ คือตอนก่อนไป ก็เตรียมตัวค่ะ ว่าต้องอ่านหรือต้องเป็นรูปแบบไหน คนอื่นเค้าทำยังไงกัน ไม่ใช่ไปเฉยๆ ไม่ทำการบ้านค่า งานระดับประเทศจะไปอยู่วัดแนวคนอื่นเขาก็คงไม่ใช่

แน่นอนว่า กองเชียร์นายกฯ โห่ร้องยินดีส่งเสียงเชียร์สนับสนุนให้กำลังใจ ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงความเห็นตอบรับ และย้ำไปอีกที ว่า “ขอบคุณค่า แค่อยากจะให้ข้อมูลอะค่า ว่าได้นะ ยินดีรับฟัง แต่ว่าบนพื้นฐานของการรู้ไม่จริง มันก็ต้องบอกนิดนึงแหละเนาะ”
แต่งานนี้ก็หยุดดรามาเสียงวิจารณ์ไม่อยู่ ร้อนถึงบรรดา “องค์รักษ์” จึงต้องทำหน้าที่พิทักษ์

ดังที่เห็น ก็มี "จิรายุ ห่วงทรัพย์" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ถึงกับออกมาวอนชาวเน็ต เบาได้เบา

“จิรายุ” บอกว่า เรื่องนี้ไม่น่าที่จะมีผู้วิจารณ์ถ้าเข้าใจหลักการและเหตุผลการประชุมระดับนานาชาติที่เป็นสาระสำคัญหรือแถลงการณ์ ซึ่งผู้นำของโลกจะต้องอ่านทุกตัวอักษรที่สรุปมา เนื่องจากเป็นข้อตกลง ที่ไม่สามารถนำไปบิดจากข้อความของภาษาพูดเหมือนการปราศรัย หรือแสดงวิสัยทัศน์ทั่วๆ ไปได้

พร้อมยืนยัน ปกตินายกฯ ก็เป็นคนพูด หรือปราศรัยโดยไม่มีสคริปอยู่แล้ว และนายกฯ ก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยหรือเวทีใดๆ ก็ไม่ได้อ่านอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับ "พิชัย นิริพทะพันธุ์" รมว.พาณิชย์ ที่อยู่ร่วมประชุมกับนายกฯอุ๊งอิ๊ง ซึ่งเจ้าตัวบอก นั่งอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำจึงเห็นความเคลื่อนไหว ผู้นำทุกชาติเขาอ่านหมด เพราะต้องระวังความผิดพลาด ถ้าพูดผิด ก็จะทำให้บันทึกการพูดผิดไปด้วย การอ่านทั้งจากเอกสาร หรือไอแพดก็ดี จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุมที่ทุกประเทศเขาทำกันหมด

ส่วนในการเจรจา Bilateral หรือ ทวิภาคี กับชาติต่างๆ ตัวเองนั่งอยู่ในห้องด้วย เห็น “นายกอุ๊งอิ๊ง” พูดเองทั้งหมด นำการประชุมทวิภาคีได้สมศักดิ์ศรี การมีกระดาษโน้ต หรือไอแพดไว้ในมือ เพื่อเหลือบมองหัวข้อบ้างตามสมควร จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสามารถทำได้ เพื่อให้ประเด็นที่เราหยิบยกขึ้นมาดำเนินไปด้วยความถูกต้องกับที่เราเตรียมการมา ผู้นำชาติต่างๆ ก็ทำแบบนั้นทั้งสิ้น

“พิชัย” ยังย้ำว่า ท่านนายกฯพูดได้ไหลลื่น

นี่ก็เป็นอีกแห่งความเคลื่อนไหวของ “นายกฯอิ๊งค์” ที่เป็นคอนเทนต์ ให้ถูกพูดถึง ซึ่งงานนี้ก็ต้องบอกว่า...ถ้านายกฯอิงค์ ไม่นิ่ง ไม่อดทน ไม่ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวเสียบ้าง ชอบที่จะลงมาต่อปากต่อคำ กับคำวิจารณ์ทุกเมนต์ เชื่อเถอะว่า คอนเทนต์แบบนี้ ทำยังไงก็ม่ายจบ

พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี
++ เช็กชื่อผู้ต้องหา“ตากใบ” หนีเข้ากลีบเมฆ ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ ยังจับใครไม่ได้สักคน

เหตุการณ์สลายการชุมชุมที่ “สภ.ตากใบ” เกิดขึ้นในช่วงที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของวลี “โจรกระจอก” เป็นนายกรัฐมนตรี และ“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ.

จะครบ 20 ปี และมีผลให้คดีหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้

คดีตากใบ แยกออกเป็น 2 สำนวน โดยคดีแรก ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ยื่นฟ้อง “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี กับพวก “ รวม 9 คน เป็นจำเลย ศาลออกหมายจับ 7 คน มี “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีต มทภ.4 จำเลยที่ 1 “พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร” อดีต ผบ.พล.ร.5 จำเลยที่ 3 “พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์” อดีต ผอ.ศปก.ตร.สน. จำเลยที่ 4 “พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์” อดีต ผบช.ภ.9 จำเลยที่ 5 “พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล” อดีต ผกก.สภ.ตากใบ จำเลยที่ 6 “นายศิวะ แสงมณี” อดีตรอง ผอ.กอสส.จชต. และ อดีตรองปลัดฯมหาดไทย จำเลยที่ 8 “นายวิชม ทองสงค์” อดีต ผวจ.นราธิวาส จำเลยที่ 9

ส่วน“พล.ท.สินชัย นุตสถิต” อดีต รอง มทภ.4 จำเลยที่ 2 กับ “พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน” อดีต รอง ผกก.สภ.ตากใบ จำเลยที่ 7 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

ส่วนคดีที่ 2 อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน เป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ ที่จัดหารถบรรทุกทหาร 25 คัน มาลำเลียงผู้ชุมนุมกว่า 1 พันคน ไปค่ายทหาร ด้วยวิธีที่แออัดเกินไป เป็นเหตุให้ผู้ถูกจับกุม 78 คน ขาดอากาศหายใจ

ผู้ต้องหามี “พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร” อดีต ผบ.พล.ร.5 ผู้ต้องหาที่ 1 ผู้สั่งสลายการชุมนุม “ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส” ผู้ต้องหาที่ 2 พลขับ “นายวิษณุ เลิศสงคราม” ผู้ต้องหาที่ 3 พลขับ “ร.ท.วิสนุกรณ์ ชัยสาร” ผู้ต้องหาที่ 4 พลขับ “นายปิติ ญาณแก้ว” ผู้ต้องหาที่ 5 พลขับ “พ.จ.ต.รัชเดช หรือ พิทักษ์ ศรีสุวรรณ” ผู้ต้องหาที่ 6 พลขับ “พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ” ผู้ต้องหาที่ 7 ผู้ควบคุมขบวนรถ และ “ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์” ผู้ต้องหาที่ 8 พลขับ

เมื่อคดีใกล้หมดอายุความ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ต้องนำคณะบินด่วน ลงพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า อ.เมืองฯ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กวดขันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับให้ทันเส้นตายที่เหลือ

เมื่อรับนโยบายแล้ว ในบ่ายวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ก็ระดมกำลัง ออกล่าตัวผู้ต้องหา ไม่ว่าจะเป็นบ้านของ “พล.ต.ต.ศักดิ์สมหมาย พุทธกูล” ที่สงขลา, บ้านของ “พ.จ.ต.รัชเดช ศรีสุวรรณ” ที่ สงขลา , บ้าน “ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส” ที่ จ.ตรัง

รุ่งขึ้น วันที่ 5 ต.ค. ก็บุกค้นบ้าน “พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ” ที่ อ.สวี จ.ชุมพร , บ้าน“นายวิชม ทองสงค์” อดีต ผวจ.นราธิวาส ที่จ.นครศรีธรรมราช, บ้าน“จ.ส.อ.ปิติ ญาณแก้ว” ที่ จ.นครศรีธรรมราช ,บ้านของ “ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์” จ
นครศรีธรรมราช, บ้านของ“พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์” อดีต ผบช.ภ.9 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี, บ้านของ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ จ.นนทบุรี , บ้านของ “พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์” ที่จ.สมุทรสงคราม

ผลปฏิบัติการ ไม่สามารถจับใครได้เลยแม้แต่คนเดียว... บรรดาญาติ หรือคนที่อยู่ที่บ้าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ออกจากบ้านไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ติดต่อไม่ได้ หรือบอกว่าเดินทางไปต่างประเทศ ไม่รู้จะกลับเมื่อไร

ผู้ต้องหาคนสำคัญคนหนึ่ง ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตแม่ทัพภาค 4 ที่ปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตรวจสอบแล้วพบว่าได้ยื่นลาป่วยต่อสภา เพื่อไปรักษาตัวต่างประเทศ ตั้งแต่ 26 ส.ค. ถึง 30 ต.ค. 67 โดยมี “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นผู้อนุมัติ ... เจตนาชัดว่า เมื่อกลับมาคดีก็หมดอายุความแล้ว !!

ขณะที่ “รองพิเชษฐ์” ชี้แจงว่า ทุกคนสามารถลาประชุมได้ ไม่ว่าจะลาป่วย ลากิจ เพราะเขามีสิทธิ ถือเป็นเรื่องปกติของการลา ไม่ว่าใครก็สามารถลาได้

เช่นเดียวกับ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ไปตอบกระทู้ในสภาฯ ถึงเรื่องนี้ ว่าเป็นการปกป้องพวกเดียวกันหรือไม่ว่า ผู้ถูกกล่าวหายังติดต่อไม่ได้ การหาตัวไม่ง่าย ไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่รู้จะทำอย่างไร

การแสดงออกของ “พิเชษฐ์” และ “ภูมิธรรม” ซึ่งเป็นระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย เหมือนปัดสวะให้พ้นตัว ไม่สนใจเสียงครหาว่าปกป้องพวกพ้องกันเอง

จะเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคดี ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการระดับสูงทั้งนั้น มีระดับล่างที่เป็นพลขับเพียงไม่กี่คน

“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าคณะก้าวหน้า ที่ได้ไปร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ 60ตุลาฯ ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กล่าวถึง คดีตากใบ ในเชิงตั้งคำถามว่า สังคมยอมรับเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างไร เพราะมีความเหมือนกันของวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ในสังคมไทย และผู้ที่กระทำผิด ไม่เคยถูกดำเนินคดีสักครั้ง จึงเป็นความล้มเหลวทางสามัญสำนึกครั้งใหญ่ของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายทศวรรษ เพราะไม่สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เข่นฆ่าประชาชนได้สักครั้ง ซึ่งตนเห็นว่า ไม่ใช่ความล้มเหลวของระบบ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ระบบ ระเบียบ ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่มีลำดับชั้น จารีต ดำรงอยู่ได้

ต้องติดตามกันว่า หลังจากนี้สถานการณ์จะบานปลาย กลายเป็นปมเหตุให้ไฟใต้ลุกโชนอีกครั้งหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น