เมืองไทย 360 องศา
น่าหนักใจแทน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เวลานี้กำลังถูกตั้งคำถามด้วยความสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าเธอเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมากน้อยแค่ไหน และมีความรู้ความสามารถ รวมไปถึงเรื่องมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำจริงหรือไม่
ก่อนหน้านี้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร อาจเป็นความหวังของ “คนรุ่นใหม่” เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย น่าจะมีการสร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองใหม่ ทั้งด้านการเป็นผู้นำในยุคใหม่ และการพัฒนาในมิติใหม่
แต่ระยะเวลาผ่านมา แม้จะถือว่ายังน้อยเนื่องจากเธอเข้ามาเพียงแค่ราว 1 เดือนเท่านั้น ยังไม่อาจวัดผลอะไรได้มากนัก แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว กลายเป็นว่านับวันยิ่งถูกตั้งคำถาม มีข้อสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องดังกล่าวข้างต้น
ล่าสุดระหว่างร่วมประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการพบปะหารือกับประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซซเคียน (Masoud Pezeshkian) ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ กลับสร้างความแปลกใจให้กับคนไทยไม่น้อย ที่ได้เห็นภาพการพบปะกันของผู้นำทั้งสองประเทศ โดยฝ่าย น.ส.แพทองธาร ได้อ่านข้อความในไอแพด (iPad) แบบที่เรียกว่าก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเดียว ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาอย่างประธานาธิบดีอิหร่านเลย
ขณะเดียวกัน ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ติดตามการพบปะหารือกันระหว่างผู้นำต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาพูดของตัวเอง คราวนี้เช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีอิหร่านก็ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ถึงไม่ใช้ล่าม หรือพูดภาษาไทย
ภาพที่ นายกรัฐมนตรีของไทย ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในไอแพด ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา อย่างประธานาธิบดีอิหร่านเลย จนมีการตั้งข้อสังเกตถึง “ความไม่พร้อม” ของการเป็นผู้นำ อีกทั้งในระหว่างประชุมทั้งในแบบพหุภาคี หรือทวิภาคี กลับไม่เห็นความโดดเด่น หรือสร้างสีสันดึงดูดความสนใจจากสื่อได้เลย ทุกอย่างเป็นไปแบบ “พื้นๆ” ไม่มีอะไรน่าสนใจ
ก่อนหน้านี้ หากจำกันได้ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีเกิดอาการ “พลาด” ในเรื่องการบริหารจัดการรับมือและแก้ปัญหา โดยตอนนั้นอ้างว่า “ยังไม่มีอำนาจสั่งการได้เต็มที่” กล่าวทำนองว่าให้ “รอก่อน” จนเกิดเสียงวิจารณ์ตามมามากมาย อย่างไรก็ดี เมื่อตั้งหลักได้ เธอก็ยืนแถลงโดยการ “อ่านโพย” คำพูดที่ถูกเขียนมาในไอแพด ในแบบที่รับฟังบรรยายสรุปมาอย่างละเอียด
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีคนใกล้ชิด และคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาแก้ต่างให้อย่างดิบดี โดยย้ำว่านายกรัฐมนตรีมีผลงานโดดเด่น ระหว่างการประชุมที่โดฮาได้รับความชื่นชม และยังปกป้องว่าการที่อ่านข้อความถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะป้องกันความผิดพลาด และทุกประเทศก็ใช้วิธีนี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทันทีที่กลับถึงไทย ตนได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการประชุม ACD summit ในครั้งนี้ โดยย้ำว่า เป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทผู้นำของประเทศไทยอย่างยอดเยี่ยม และเป็นที่ชื่นชมของผู้นำต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งมีผู้นำหลายประเทศมาขอร่วมถ่ายภาพด้วย
ล่าสุดติดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของนิตยสาร TIME ในเวทีต่างๆ ท่านนายกฯ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อผู้นำกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และการเชิญชวนชาติต่างๆ เข้ามาตั้ง Data Center หรือสถานที่จัดเก็บข้อมูลในประเทศไทย ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจอย่างมาก เช่น UAE, Qatar, Kuwait, Oman เป็นต้น
“ผมจึงแปลกใจที่มีการหยิบยกภาพๆ เดียวที่นายกฯ ถือไอแพดขึ้นมาตัดต่อ บิดเบือน ในเรื่องการสื่อสารในเวทีระดับโลก ผมรู้สึกเป็นการวิจารณ์ที่ล้าสมัย ไม่รู้ข้อเท็จจริง และธรรมเนียมปฏิบัติในเวทีโลก ไม่ยุติธรรมต่อคนทำงาน จึงต้องออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบิดเบือนใส่ร้าย”
ต่อข้อวิจารณ์ว่านายกฯ อ่านจากไอแพด นักวิจารณ์บางรายไปบิดเบือนเป็นเรื่อง การทูต Ipad ขอเรียนว่า ในเวทีสากลแบบนี้ ทุกอย่างที่อยู่ในห้องประชุม ทั้งการสนทนา การนำเสนอวิสัยทัศน์ การให้ข้อแถลงต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมดโดยละเอียด ตนนั่งในห้องประชุมหลังท่านนายกฯ จึงได้เห็นว่าผู้นำทุกชาติ เขาอ่านกันทั้งหมด เพราะเขาระวังความผิดพลาด ถ้าพูดผิด ก็จะทำให้บันทึกการพูดผิดไปด้วย การอ่านทั้งจากเอกสาร หรือไอแพดก็ดี จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่รัดกุมที่ทุกประเทศเขาทำกันหมด
แน่นอนว่าคำพูดของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นเรื่องที่ไม่ผิด ที่ระหว่างการประชุม หรือทำข้อตกลงกันนั้น จะต้องมีการคำแถลง หรือบึนทึกข้อความ มีการอ่านข้อความ ผสมกับคำพูดแบบปากเปล่า เพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่สำหรับการสนทนาระหว่างผู้นำประเทศ ที่ส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะการถามสารทุกข์สุขดิบ และการแสดงท่าที หรือต้องการสื่อสารออกไปข้างนอก แต่ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความ “ไม่พร้อม” ดังที่วิจารณ์กันนั่นแหละ
สำหรับความรู้สึกไม่เชื่อมั่นของคนไทยจำนวนไม่น้อย ต่อการทำหน้าที่ผู้นำประเทศของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าไม่เป็นเรื่องดีเลย เพราะตราบใดที่ยังไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นหรือสร้างความโดดเด่นให้กลับคืนมาได้โดยเร็วแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งแน่นอน โดยเฉพาะ “ภาพจำ” ในทางลบจะติดตัวไปตลอด จะแก้ไขได้ยาก
ภาพความสงสัย ขาดความเชื่อมั่นเริ่มมีมาตั้งแต่เธอเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ทั้งในตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว มีเสียงวิจารณ์ว่าไม่ได้ขึ้นมาเพราะความรู้ความสามารถ หรือผ่านความสำเร็จใดๆ เลย แต่เป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเจ้าของพรรคเท่านั้น
อย่างไรก็ดีหากมองอีกมุมหนึ่ง มันก็เหมือนกับการสร้างความกดดันให้กับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพราะต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่มากความสามารถ เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ แต่เมื่อเวทีมันใหญ่เกินไป เมื่อเดินขึ้นไปแล้วมันก็โดดเดี่ยว ปรับตัวไม่ทัน ต้องใช้ทักษะและความสามารถส่วนตัว จึงเกิดปัญหาขึ้น ก็ได้แต่หวังว่าเวลาจะสร้างประสบการณ์ได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ถือว่ายังไม่ผ่าน !!