ศปช.ส่วนหน้ารายงานนายกฯ หลัง จนท.ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้านผู้ว่าฯเชียงใหม่เร่งส่งทุกสรรพกำลังของแต่ละกระทรวงที่ประจำประจำอยู่ส่วนหน้าเข้าแก้ไขสถานการณ์ หลังรับรายงานช้างแม่แตงล้ม 2 เชือก ชี้น้ำท่วมครั้งนี้สูงเป็นประวัติการณ์ ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก
วันนี้(5 ต.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศปช.ส่วนหน้ากล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้รับรายงานล่าสุดของสถานการณ์จังหวัดเชียงใหม่แล้วโดยผู้ว่านายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนและสัตว์ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ในอำเภอแม่แตง โดยจังหวัดได้ส่ง นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ประสานงาน ร่วมกับนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย บัญชาการเหตุการณ์ ตั้งแต่ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายชัยณรงค์ นันตาสาย นายอำเภอแม่แตง ได้รายงานสถานการณ์การให้การช่วยเหลือช้าง ในพื้นที่ว่า สถานการณ์ล่าสุดพบช้างล้ม 2 เชือก ขณะนี้ปศุสัตว์จังหวัด และปศุสัตว์อำเภอ กำลังเข้าตรวจสอบพบว่า เป็นช้างชื่อฟ้าใส และพลอยทอง
ขณะที่สถานการณ์น้ำแม่แตง วันนี้ลดลง 1.5 -2 เมตร ไหลลงกลับไปรวมกับลำน้ำแม่แตง ไม่ล้นแนวตลิ่งออกมาแล้ว ซึ่งพบว่าปางช้าง Elephant Nature Park ซึ่งรับการช่วยเหลือขนย้าย 124 เชือก โดยก่อนหน้านี้ มีการทยอยขนช้างขึ้นที่สูงแล้วเกือบทั้งหมด เหลือเพียงช้างป่วยและพิการจำนวน 15 เชือก และช้างดุ 7 เชือก ซึ่งขณะนี้น้ำกลับลงลำน้ำแม่แตงแล้ว ไม่มีช้างที่แช่น้ำ จึงปรับแผนไม่ต้องเคลื่อนย้าย ซึ่งได้จัดเตรียมยา และมีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ดูแลอย่างใกล้ชิด
โดยในวันเดียวกันนี้ นายอำเภอแม่แตงจะนำฝ่ายปกครอง อาสาเจ้าหน้าที่ และกำลังทหาร เข้าฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหลายร้อยหลังคาเรือน
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่านายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสพชอ.และสพชอ.ส่วนหน้าเร่งอำนวยการเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศปช รายงานว่าในช่วง 1 - 7 วันข้างหน้านี้ มีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จากเดิม 2,000 ลบ.ม./วินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นวันละ 50 - 100 ลบ.ม./วินาที ทำให้ความสูงของน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีระดับเพิ่มขึ้นครั้งละ 10 - 15เซนติเมตร โดยสูงสุดไม่เกิน 70 เซนติเมตร ส่งผลกระทบกับประชาชนริ่มฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง ท่าจีน ป่าสัก สะแกกรัง เจ้าพระยา จำนวน 11จังหวัด
“ขอแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี อุทัยธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ โดยการระบายน้ำมีผลกระทบดังนี้ ผลกระทบแรกจะมีปริมาณน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาและท่าจีน ผลกระทบที่สอง เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก สะแกกรัง เจ้าพระยา มีระดับสูงขึ้นแต่ไม่ล้นตลิ่ง จะทำให้ผู้ประกอบการในทางน้ำ การเดินเรือ การเลี้ยงปลาในกระชัง ผู้ที่อาศัยบริเวณนอกคันกั้นน้ำ ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำดังกล่าว ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด” นายจิรายุกล่าว
สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ จ.เชียงราย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช. มอบหมายให้ นางสาวธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช.ส่วนหน้า จ.เชียงราย และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ที่ปรึกษาฯร่วมกันนำหน่วยทหารลงพื้นที่ฟื้นฟู โดยจุดที่ทำนบรั่วตามแนวแม่น้ำ ทหารช่างได้นำบิ๊กแบ็คอุดเสริมแนวรั่วต่าง ๆ มีการผลัดเวรทำงานตลอด 24 ชม. “สถานการณ์ที่แม่สายไม่น่าเป็นห่วง ควบคุมได้ ถึงแม้จะมีจุดรั่วเพิ่มเติมเป็นระยะ ๆ อยู่บ้างก็ไม่เป็นปัญหา และระดับน้ำคงที่และเริ่มลดลงเป็นลำดับ ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมาแม้จะมีฝนตกในพื้นที่แม่สายแต่ไม่มีผลกระทบเรื่องโคลน ภาพรวมสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นายจิรายุกล่าว
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 08.25 น. ระดับน้ำบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (ด่านพรมแดนแม่สาย) น้ำลดลงต่อเนื่อง และยังไม่มีแนวโน้มฝนตกลงมาเพิ่มเติม หลายหน่วยงานได้ร่วมกันระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ อาทิ กระทรวงแรงงานเปิดจุดให้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถจักรยายนต์ที่ได้รับความเสียหาย และจัดทีมช่างช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ บริเวณตลาดสายลมจอย ข้างสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 เจ้าหน้าที่เร่งระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบน้ำออกจากพื้นที่