นายกฯ เผย ผลสำเร็จประชุม ACD ครั้งที่ 3 หลายประเทศยกไทยมีระบบบริการสุขภาพที่ดี เดินหน้าสานต่อการค้าการลงทุน ประเทศสมาชิกยินดีไทยเป็นประธานปี 68 พร้อมประกาศจุดยืนความเป็นกลาง-เกิดสันติสุขในสถานการณ์ตะวันออกกลาง ชี้ ไม่อยากให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ต้องสูญเสีย
วันนี้ (3ต.ค.67) เมื่อเวลา 13:50 น.ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง ที่ โรงแรมเดอะริทซ์-คาร์ลตัน โดฮา กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลความสำเร็จการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย Asia Cooperation Dialogue หรือ ACD ครั้งที่ 3 ว่า
ได้รับการต้อนรับอย่างดีมาก และได้พูดคุยกับผู้นำหลายประเทศ ซึ่งทุกคนได้พูดถึงว่าประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มการประชุม ACD โดยการประชุมเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อหลาย 10 ปี ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ทำให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียได้มาพบปะพูดคุยและได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยทุกคนมีความมุ่งมั่น และอยากร่วมลงทุนกับประเทศไทย รวมถึงหลายประเทศ ยังบอกว่า ไม่ได้มีการลงทุนโครงการ ใหญ่ๆ ร่วมกันมานานแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผู้นำหลายประเทศได้สอบถาม ว่าประเทศไทยสนใจเรื่องเทคโนโลยีและ AI อย่างไร ซึ่งหลายประเทศพูดถึงการที่บริษัท Google มาลงทุนกับประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งพบว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียมีความสนใจเรื่อง AI เป็นหลัก รวมถึงจะนำ AI เข้าสู่ระบบการศึกษา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รองรับปริญญาโดฮา ซึ่งวันนี้ตนได้กล่าวถึง กรอบความร่วมมือ ACD โดยประเทศสมาชิกต้องเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ ในฐานะผู้ริเริ่ม มีความประสงค์ให้พัฒนา จากการสนทนาแลกเปลี่ยน ให้เป็นในระดับเวทีการประชุมของเอเชีย พร้อมยึดหลักเดิม สำหรับประเทศที่มีความไม่สงบเกิดขึ้น
“ไทยได้ยืนยันตัวตน ว่าเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ และความมั่งคั่งร่วมกัน เพื่อยืนยันว่าไทยไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง และมีกฎนานาชาติที่ต้องเคารพ พร้อมอยากให้เกิดสันติภาพในทุกประเทศทั่วโลก หากเราเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดสันติภาพในโลกนี้ได้ ก็พร้อมที่จะสนับสนุน รวมถึงเน้นการปกป้องชีวิตที่บริสุทธิ์ ให้เป็นไปตามกฏบัตรสหประชาชาติระหว่างประเทศ ถือเป็นข้อความที่เราส่งถึงทุกประเทศสมาชิก“ นางสาวแพทองธาร กล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน ให้กับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุม เป็นเวทีที่เปิดกว้างอย่างไม่เป็นทางการให้กับผู้นำประเทศ ได้มาแลกเปลี่ยนและและนำเสนอความคิด โดยไทยได้เสนอ ความพร้อม เรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร หรือ food security ซึ่งหลายประเทศ ได้บอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าประเทศไทยมีระบบบริการสุขภาพ หรือ wellness ที่ดี จึงอยากให้ไทยไปลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศสมาชิกได้แสดงความยินดีที่ไทยจะเป็นประธาน ACD ในปี 2568 ซึ่งไทยจะทำอย่างเป็นเต็มที่
ส่วนการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน โดยหารือการค้า การลงทุน ระหว่างกัน โดยอิหร่านสนใจเรื่องเทคโนโลยี โดย ผู้นำอิหร่านได้พูดคุยถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยประเทศไทยได้แสดงจุดยืน ว่าไม่อยากให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ต้องสูญเสียไป และอยากให้โลกสงบสุข และตนได้ พูดคุยกับประธานาธิบดีอิหลานว่าการประชุม ACD ได้แสดงให้เห็นถึงพลังความช่วยเหลือกัน เรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ที่แต่ละประเทศมี และตนได้สะท้อนว่า ความช่วยเหลือแบบนี้ที่อยากให้เกิดกับทั่วโลก เพื่อจะได้เกิดความสงบสุข โดยได้แสดงจุดยืนว่าไทย ไม่ได้ไปเข้าข้าง ประเทศใดประเทศหนึ่ง และพร้อมที่จะเป็นตัวกลาง หากจะมีการพูดคุยให้เกิดสันติ
นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยกับผู้ครองรัฐกาตาร์ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ที่ไทยมีความพร้อมเรื่องสถานที่ ในการเก็บรักษาอาหาร หากกาตาร์มีความสนใจสั่งซื้ออาหารจากไทย โดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ที่เกิดความไม่สงบ ไทยพร้อมที่จะส่งอาหารได้ทันที ทำให้หลายประเทศเองก็สนใจ ซึ่งจะให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการต่อ รวมถึงต้องการให้ไทยสนับสนุนอาหารฮาลาล รายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้พบปะกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน ซึ่งอยากยกระดับความสัมพันธ์การค้าการลงทุนกับไทย การท่องเที่ยว และชื่นชมระบบสาธารณสุขของไทย อีกทั้ง ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน ได้ชื่นชอบอาหารซีฟู้ดของไทย เนื่องจากเคยเดินทางไปที่จังหวัดกระบี่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีโอกาสเข้สเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท มกูฎราชกุมารและรองเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต ซึ่งได้แสดงความยินดีกับไทยจะเป็นประธาน ACD โดยไทยได้เชิญชวนให้ประเทศคูเวตมาลงทุนโครงการแลนด์บริด ซึ่งไทยและคูเวตไม่ได้มีการลงทุน โครงการใหญ่ๆ ร่วมกันมานานแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเวทีนี้ไทยได้รับประโยชน์ อย่างมาก และยกระดับความสัมพันธ์ กับประเทศสมาชิก ทั้งเรื่องงานและได้พูดคุยเปิดใจ ในระดับผู้นำ ทำให้มีความใกล้ชิดกัน
“เชื่อว่าจะทำให้เข้าใจกันได้มากขึ้น และเป็นประโยชน์ หากต้องขอความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะได้มองเห็นความตั้งใจ ที่มีให้ประเทศของตัวเอง และเป็นเวทีที่ดีมาก หากประเมินทีมทั้งหมดในการพูดคุยกับประเทศต่างๆ อย่างเต็มที่ เป็นโอกาสที่ดีมาก ซึ่งผู้นำได้เชิญให้ตนเดินทางเยือนในหลายประเทศ และได้เร่งรัดอยากให้มีการลงทุนร่วมกัน และเมื่อกลับที่ประเทศไทยจะต้องวางแผนให้ชัดเจนและสานต่อทันที โดยเน้นเรื่องเทคโนโลยี ที่ทุกประเทศให้ความสนใจเป็นอันดับแรก แล้วเรื่องของอาหารที่ไทยมีความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งต้องมีการจัดระเบียบเพื่อหารายได้ เข้าประเทศเพิ่มขึ้น“ นางสาวแพทองธาร กล่าว