xs
xsm
sm
md
lg

ปูดธุรกิจมืด “บิ๊กตำรวจ”ทุน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ดารา-อินฟูลฯเปิดปากรับอย่างน้อยไลฟ์ละแสน “บอล เชิญยิ้ม”พร้อมคืน ** ดราม่างดทัศนศึกษา รอพิสูจน์ “นายกฯอิ๊งค์” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส อนิจจา “พรรคส้ม” พลิกวิกฤติเป็นวิกฤติอีกแล้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร+ป๋าเบียร์-กานต์พล เรืองอร่าม - บอล เชิญยิ้ม - แพทองธาร ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ ปูดธุรกิจมืด “บิ๊กตำรวจ”ทุน “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ดารา-อินฟูลฯเปิดปากรับอย่างน้อยไลฟ์ละแสน “บอล เชิญยิ้ม”พร้อมคืน

“แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร” และ สามี “ป๋าเบียร์-กานต์พล เรืองอร่าม” กับกรณีไลฟ์สดขายทองและอาหารเสริมจนรวยอู้ฟู่ ก่อนจะถูกลูกค้าผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีมีคำถามกันว่า ทั้งสองก่อร่างสร้างฐานะด้วยธุรกิจที่ทำจริงหรือ?

ก่อนที่การขยายผลของทั้งตำรวจ-ปปง.จะคลี่คลายเส้นทางการเงิน และ ที่มาของทุนของ “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้คำตอบกับสังคม

ว่าแล้ว “ลุงอัจ”อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ฉายา “โคนันเมืองไทย” ก็โชว์สกิลนักสืบ สืบทรัพย์ของ แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์

นอกจากสองสามีภรรยาที่สังคมรู้จักไปแล้ว ลุงอัจ สืบรู้ว่า ยังมีลูกน้องมือขวา-ซ้ายของแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ชื่อ “เจ๊นุช บางเตย” และ “เจ๊หรั่ง”

เจ๊นุช บางเตย มือขวา เคยร่วมไลฟ์สดโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับอาหารเสริมลดน้ำหนัก และร่วมทำคอนเทนต์โชว์ทรัพย์สินต่างๆเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรู และ รถหรู รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และเชื่อว่า เจ๊นุขก็ได้รับผลประโยชน์เป็นทรัพย์สินต่างๆตอบแทน

ส่วนลูกน้องมือซ้าย ลุงอัจ ขออุบไว้ก่อน สัปดาห์หน้าจะนำหลักฐานการกระทำความผิดของ "เจ๊หรั่ง" มามอบให้พนักงานสอบสวนแน่

เชื่อว่าผู้ร่วมขบวนการกับ “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ต้องไม่มีแค่ลูกน้อง 2 คนนี้ ประเมินเบื้องต้นไม่รวมกลุ่มดารา-อินฟลูเอนเซอร์ที่มาร่วมสร้างยอดขายก็น่าจะมีอีกกว่า 20 คนที่ต้องถูกดำเนินคดี

ขณะที่ทุนดำเนินธุรกิจที่แม่ตั๊กและป๋าเบียร์ นำมาซื้อทรัพย์สิน ลุงอัจ เชื่อว่า ไม่ได้เกิดจากการค้าขายทั้งหมดแต่มาจาก “ธุรกิจมืด” ของ “บิ๊กตำรวจ”

ที่เชื่อเช่นนี้ เห็นได้จากกรณีทรัพย์สินของแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ไม่ว่าจะเป็นตู้เซฟและรถหรูที่หายไปหากไม่มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่หนุนหลังจะล่องหนไปที่ใดได้

ส่วนความเคลื่อนไหวของเหล่าบรรดาดารา-อินฟลูที่เคยถูกว่าจ้างมาทำคอนเทนต์ส่งเสริมการขายของแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ มีรายงานว่า ได้ทยอยเข้าให้ปากคำที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
อาทิ ชัชชัย จำเนียรกุล หรือ "บอล เชิญยิ้ม", "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น", บิ๊ก ธิติวุฒิ วารุณ หรือ "ผู้ใหญ่บ้าน ฟินแลนด์" เข้าพบ พนักงานสอบสวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ทั้งหมดยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด พร้อมทั้งนำทรัพย์สินมีค่าที่เคยได้รับจากแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ มาส่งมอบให้กับตำรวจ เพื่อตรวจสอบที่มาและเส้นทางการเงิน

บอล เชิญยิ้ม แม้ไม่อยู่ในรายชื่อดาราที่ร่วมไลฟ์ขายทองกับแม่ตั๊ก แต่เจ้าตัวยอมรับเคยร่วมงานไลฟ์อาหารเสริมของแม่ตั๊ก เคยไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และงานคอนเสิร์ต ช่วงปี 2565 ยืนยันไม่ได้สนิทสนมกับแม่ตั๊กนอกเหนือจากงานที่รับ และ ไม่เคยรับสิ่งของอื่นใด นอกจากค่าตัวครั้งละ 1 แสนบาท

ส่วนที่ยอมรับงานไลฟ์ เพราะพิจารณาแล้วว่ามีคนเคยไปร่วมไลฟ์จำนวนมาก จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และ พร้อมจะคืนเงินค่าตัวที่ได้ทั้งหมด เพื่อให้นำเงินดังกล่าวไปเยียวยาผู้เสียหาย

ผู้ใหญ่บ้าน ฟินแลนด์ บอกว่า รับงานแม่ตั๊กแค่ 2 ครั้ง เป็นอาหารเสริม ล่าสุดไลฟ์ร้านทอง ได้ค่าตัวชั่วโมงละ 1.5 แสนบาท

นี่ก็เป็นความเคลื่อนไหวของบรรดาคนดังที่ถูกว่าจ้างจากแม่ตั๊ก และ ป๋าเบียร์ ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าพบตำรวจ ซึ่งมีคำแนะนำจากทนายว่าให้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุดอย่ารอหมายเรียก เดี๋ยวเรื่องจะยาวจะหาว่าไม่เตือนกันนะจ๊ะ.

แพทองธาร ชินวัตร - พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ - ณกร ชารีพันธ์
++ ดราม่างดทัศนศึกษา รอพิสูจน์ “นายกฯอิ๊งค์” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส อนิจจา “พรรคส้ม” พลิกวิกฤติเป็นวิกฤติอีกแล้ว!

พลันที่เกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา ของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อุทัยานี มีนักเรียนและครูต้องเสียชีวิตภายในรถ 23 ราย ดราม่า “ยกเลิกทัศนศึกษา” ก็อื้ออึงไปทั่วโลกออนไลน์ขึ้นมาทันที

คนอย่าง ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ที่หันมารับบทสื่อจอม woke ขวัญใจชาวสามนิ้ว โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กหลังเกิดเหตุแค่ชั่วโมงกว่าๆ ว่า “ยกเลิกพาเด็กอนุบาลไปทัศนศึกษาข้ามจังหวัดไกลๆ ได้หรือยัง”

แถมซ้ำอีกดอกว่า “อะไรคือประโยชน์ของการเอาเด็กอนุบาลขึ้นรถทัวร์ 250 ก.ม. 3 ชั่วโมง จากอุทัยมาทัศนศึกษากรุงเทพที่การไฟฟ้าพระราม 6”

“ศิโรตม์” โพสต์อะไรบุ่มบ่ามแบบนี้ จึงโดนเพจ “วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร” เอาไปแขวนแล้วตอบโต้ว้า “#ทุกคนคะ หนูว่าพี่เขาผิดประเด็น เราต้องมาดูเรื่องมาตราฐานและความปลอดภัยมากกว่า มันไม่ใช่เพราะว่าสาเหตุทัศนศึกษามันจึงเกิดอุบัติเหตุ

“ควรดูเรื่องความปลอดภัยของรถ คุณภาพของคนขับ วิธีปฎิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน น่าจะตรงจุดมากกว่านะคะ เอาจริงๆ เงียบบ้างก็ได้ค่ะ”

กระนั้น ดราม่า “ยกเลิกทัศนศึกษา” ก็ยังแบ่งความเห็นชาวเน็ตออกเป็น 2 ฝ่าย

ฝ่ายหนุนให้ยกเลิกบ้างก็ว่า เลิกๆ ไปเถอะ ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร เปลืองค่าใช้จ่ายผู้ปกครองเปล่าๆ แถมต้องเอาเด็กไปเสี่ยงชีวิตอีก

บ้างก็ว่า ถ้าดูแลไม่ทั่วถึงก็อย่าจัดเลย

บ้างก็ว่า ยกเลิกไปเลยไม่ต้องมีออกนอกสถานที่ สงสารเด็กๆ มากๆ ผู้ปกครองจะใช้ชีวิตยังไง ลูกไม่ได้กลับบ้านแล้ว

หรือบ้างก็ว่า อะไรที่รับผิดชอบชีวิตลูกเขาไม่ได้ ก็อย่าจัดเลย เผื่อมันมีเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ แล้วรับผิดชอบชีวิตคนไม่ไหวก็อย่าจัดเลย เป็นต้น

ส่วนฝ่ายที่ยังไม่อยากให้ยกเลิกทัศนศึกษา ก็เห็นว่า ไม่ควรปิดกั้นจินตนาการและความรู้ของเด็กๆ แต่ช่วยยกมาตรฐานรถให้บริการทัศนาจรให้ปลอดภัยมากกว่านี้ดีกว่า

บ้างก็ว่า ทำไมทีผู้ใหญ่เกิดเหตุไม่เรียกร้องบ้างว่าให้ยกเลิกเที่ยว ทั้งที่มันเกิดจากความบกพร่องของตัวรถและเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของการทัศนศึกษาเลย

หรือบ้างก็ว่า ต้นเหตุมาจากมาตราฐานความปลอดภัยของรถโดยสาร รวมไปถึงคนขับรถ ทัศนศึกษาคือกิจกรรมที่ดี แต่ผู้ปกครองแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้ เป็นต้น

ขณะที่คนอย่าง “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.พรรคสีส้ม ที่เคยเอะอะโวยวายกับการเห็นอะไรที่มันขัดหูขัดตา ก็ยังออกมาโพสต์ ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ยกเลิกทัศนศึกษาของเด็กๆ เพราะนั่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ตอบโจทย์ ทั้งจะเป็นการปิดโอกาสของเด็กๆ อีกด้วย

ส่วนดาราระดับตัวตึงอย่าง “แทค” ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ก็ยังมองเห็นข้อดีของทัศนศึกษา โดยเฉพาะพ่อแม่คนที่อยู่ต่างจังหวัด บางคนต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเวลาพาลูกไปไหน “ทัศนศึกษา“ ก็เป็นอีกทางที่จะได้เปิดโอกาสให้เด็กได้ไปดู ได้ไปเจออะไรใหม่ๆ แต่ก็ตั้งข้อสงสัยเรื่องรถที่ใช้เดินทาง ตรวจเช็คบ้างไหม ไม่ว่าจะยาง ถังแก็ส ประตูฉุกเฉิน มีถังดับเพลิงไหม เวลาให้คนขึ้น มีใครอธิบายไหม

เสียงส่วนใหญ่ของกระแสสังคม ณ เวลานี้ จึงพุ่งเป้าไปที่สภาพของตัวรถและคนขับรถ มากกว่าที่จะไปโยนความผิดให้การจัดทัศนศึกษา

แต่ดูเหมือนว่า เจ้ากระทรวงศึกษาธิการ อย่าง “บิ๊กอุ้ม” พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ได้เลือกที่จะเอาใจกระแสที่อยากให้เลิก โดยสั่งงดจัดทัศนศึกษาทันที แต่ยังเปิดช่องว่า หากมีความจำเป็นให้ไปดูแลมาตรการความปลอดภัย แบ่งเด็กเล็กและเด็กโต โดยเด็กเล็กอาจดูงานในจังหวัดแทนไม่ออกไปนอกจังหวัด เพราะการทัศนศึกษาก็มีความจำเป็นในการเรียนรู้

ส่วนจะงดทัศนศึกษานานเท่าไหร่ “บิ๊กอุ้ม” บอกว่า ถ้าไม่จำเป็นให้งดก็งดยาวเลย แต่ถ้าจำเป็นเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาก็ไปต้องมีมาตราการการเดินทางว่าจะเดินทางอย่างไร อย่าให้เด็กช้ำเหนื่อยมาก โดย ผอ.โรงเรียนต้องดูเรื่องความปลอดภัย เขตการศึกษาก็ต้องเข้าไปกำกับ

แต่ความเห็นที่น่าจะเป็นประเด็นสรุปรวบยอด ก็น่าจะเป็นของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หญิงลูกสอง ที่มองว่า การทัศนศึกษาไม่ได้ทำร้ายเด็ก แต่รถที่ไม่ได้ถูกดูแลหรือถูกตรวจคือสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งต้องมาแก้ปัญหาในส่วนคมนาคมจะวางกฎและกรอบอย่างไร เราใช้โอกาสนี้ที่จะสามารถวางระบบให้ชัดเจนขึ้นได้

แล้วก็เป็น รมว.คมนาคมอย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่รับลูกนำไปขยายผลต่อ ลั่นวาจาจะไปสังคายนามาตรฐานรถขนส่งสาธารณะให้จบภายใน 60 วัน ใครเอารถเก่ามาย้อมแมววิ่งจะไม่ยอมเด็ดขาด พร้อมออกแอกชั่นแรก เรียกรถติดก๊าซซีเอ็นจี 13,000 คันมาตรวจสอบ

ชาวบ้านชาวช่องก็ได้แต่หวังว่า ท่าทีขึงขังจริงจังในวันนี้ จะไม่เป็นแค่ไฟไหม้ฟาง แล้วปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก ถ้าอย่างนั้นเสียงก่นด่าสาปแช่งก็จะดังไปทั่วประเทศ

แต่ถ้าทำสำเร็จตามที่ลั่นว่าวาจา ก็เป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสของพรรครัฐบาล ได้เก็บคะแนนเข้ากระเป๋ากันไป

ส่วนทางพรรคฝ่ายค้าน จะเป็๋นคราวซวย หรือตั้งใจก็ไม่ทราบ เมื่อชาวเน็ตพบว่าเพจเฟซบุ๊กของ “ณกร ชารีพันธ์” สส.มุกดาหาร พรรคประชาชน ไปกดขำ(หัวเราะ) ที่ภาพของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ในฐานะ สส.อุทัยธานี ขณะกำลังนั่งก้มหน้าอยู่ตรงบันได คล้ายกำลังเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ผลก็คือ ทัวร์ลงฉ่ำ ขนาดคนมุกดาหารเองยังคอมเมนต์บอก “ในนามคนมุกดาหารนะคะ ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ ส่วนคนที่กดขำ แยกแยะไม่เป็นจริงๆ คนๆ นี้ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เก่งแต่ถนัดแซะคนที่เขาทำงานเพื่อบ้านเมืองจริงๆ”

จนสุดท้ายเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ขอโทษ พร้อมชี้แจงว่า ตั้งใจจะกด “ห่วงใย” แต่กดผิด ไปกด “หัวเราะ” แทน จนเกิดการเข้าใจผิด

แต่คำชี้แจงดูเหมือนจะไร้ผล เพราะหากดูความเห็นต่อท้าย คนไม่เชื่อดูจะเยอะกว่าคนเชื่อ อย่างเช่น

“ขออนุญาตไม่เชื่อนะครับ ระหว่างกดห่วงใยกดรักกดใจกับกดหัวเราะมันอยู่ต่างกันมาก และสีลักษณะจะไม่เหมือนกันแต่คนที่กดผิดเนี่ย สายตาต้องไม่ดีขนาดไหนควรไปเช็คสายตาบ้างนะครับ การที่ดูข่าวอ่านข่าวจะกดอะไรควรตรวจสอบให้ดียิ่งเป็นถึงนักการเมืองยิ่งต้องตรวจสอบการกดการโพสต์ต่างๆ ให้ถี่ถ้วน”

“มีคนกดแสดงความรู้สึกอยู่พันกว่าคน แต่มีท่านพลาดกดขำอยู่คนเดียว ครับผมเชื่อท่าน”

“ไม่ใช่เรื่องที่จะมาผิดพลาดน่ะท่าน ศรัทธาเริ่มถอยตั้งแต่เรื่องพม่าแล้ว”

“ผมเป็นคนนึงนะ ที่ชอบพรรคท่าน เลือกตั้งที่ผ่านมาก็เลือกพรรคท่าน สส.เขตบางพลี สมุทรปราการ ที่ผมเลือก แต่หลังๆ มาผมว่าพรรคท่านเริ่มป่วย เริ่มจะไม่ใช่แล้ว”

ก็เป็นอันว่าเหตุไฟไหม้รถบัสครั้งนี้ เป็นอีกครั้งที่ “พรรคส้ม” ได้พลิกวิกฤติให้เป็นวิกฤติ จนบรรดาเหล่าด้อมพากันถอยหนีกันเป็นแถว.


กำลังโหลดความคิดเห็น